วิพากษ์กฎหมาย กสทช. ฉบับใหม่-เศรษฐกิจดิจิทัล โดย ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ TDRI

by mk
29 January 2015 - 14:59

สรุปความจาก งานเสวนา NBTC Public Forum 1/2558 หัวข้อ "ทรัพยากรคลื่นความถี่และทิศทางการสื่อสารภายใต้ร่างกฎหมายเศรษฐกิจดิจิทัล" หลังจากการนำเสนอสาระสำคัญของกฎหมายเศรษฐกิจดิจิทัล โดยผู้อำนวยการ สพธอ. ก็เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นโดยวิทยากร 3 ท่าน

ท่านแรกคือ ดร. สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ได้อภิปรายร่างกฎหมายใน 2 ประเด็นคือเจาะไปที่ตัวร่างกฎหมาย กสทช. ฉบับใหม่ และพูดถึงเศรษฐกิจดิจิทัลในภาพรวม

ร่างกฎหมาย กสทช.

สำหรับประเด็นเรื่องร่าง พ.ร.บ.กสทช. ฉบับใหม่ (เปิดร่าง พ.ร.บ. กสทช. ฉบับใหม่ รวมบอร์ดชุดเดียว ไม่บังคับประมูลความถี่ โยกกองทุน) ดร.สมเกียรติ เสนอประเด็นว่ามีความคล้ายคลึงกับการกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมของสหรัฐอเมริกาในอดีต ที่ปัจจุบันสหรัฐก้าวพ้นจากโมเดลเดิมแล้ว แต่ไทยกลับวิ่งเข้าหาแนวทางที่สหรัฐเคยทำแล้วมีปัญหา

ร่าง พ.ร.บ.กสทช. ฉบับใหม่มีข้อแก้ไขสำคัญคือ

  • เปลี่ยน กสทช. ที่เดิมเป็นองค์กรอิสระ มาอยู่ใต้คณะกรรมการดิจิทัลฯ แห่งชาติ
  • ยุบบอร์ดโทรคมนาคม-โทรทัศน์ เหลือบอร์ดชุดเดียว
  • กำหนดให้มีการ "จัดสรรคลื่นเพื่อความมั่นคงและกิจการสังคม" โดยเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการดิจิทัลฯ แห่งชาติ ส่วน กสทช. เหลืออำนาจแค่จัดสรรคลื่นที่ใช้งานเชิงพาณิชย์
  • ปรับเงื่อนไขการจัดสรรคลื่น จากของเดิมล็อคว่า "ต้องประมูล" มาเป็นการ "คัดเลือก"

การแยกส่วนคลื่นตามประเภทที่ใช้งาน

รูปแบบการแยกส่วนคลื่นความมั่นคง-สังคม กับคลื่นเชิงพาณิชย์ จะคล้ายกับโครงสร้างของสหรัฐที่มีหน่วยงานกำกับดูแล 2 หน่วยคือ NTIA (คลื่นภาครัฐ) และ FCC (คลื่นเชิงพาณิชย์) ซึ่งผลลัพธ์ของสหรัฐอเมริกาคือฝั่ง FCC จัดการคลื่นอย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่คลื่นฝั่ง NTIA ถูกใช้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ ซึ่ง ดร.สมเกียรติ ตั้งข้อสังเกตว่าถ้าเมืองไทยเลือกใช้แนวทางแบบเดียวกัน จะกลายเป็นว่าการจัดสรรคลื่นความมั่นคงจะไม่มีประสิทธิภาพแบบ NTIA และยัง "อาจ" ถูกภาคเอกชนมาสวมรอยนำคลื่นภาครัฐไปใช้หากินอีกต่อหนึ่งด้วย

เงื่อนไขการประมูล

ในอดีตสหรัฐอเมริกาใช้วิธีคัดเลือกคุณสมบัติ (beauty contest) ซึ่งเปิดให้ใช้ดุลพินิจสูง และเคยมีกรณีประธานาธิบดี Lyndon B. Johnson ใช้อิทธิพลกดดันให้ภรรยาได้คลื่นวิทยุไปทำธุรกิจมาแล้ว ภายหลังสหรัฐจึงหันมาใช้วิธีการประมูลมากขึ้น ผลคือโปร่งใสและสร้างรายได้เข้ารัฐ ในขณะที่ประเทศไทยปัจจุบันใช้การประมูล แต่กำลังจะแก้กฎหมายให้ไม่ต้องประมูลก็ได้ โดยไม่เคยมีใครอธิบายไว้ชัดเจนว่าแก้เพราะอะไร

ท่าทีของโอเปอเรเตอร์โทรคมนาคมไทย ส่วนใหญ่อยากให้ประมูล ยกเว้น True

บทสรุปและข้อเสนอแนะ

คลิป ดร.สมเกียรติ ออกรายการใน Thai PBS พูดประเด็นเดียวกัน (จากเว็บไซต์ TDRI)

เศรษฐกิจดิจิทัล

ส่วนประเด็นด้านกฎหมายเศรษฐกิจดิจิทัลทั้งชุด ดร.สมเกียรติ มีข้อวิจารณ์หลักคือแนวคิดของกฎหมายชุดนี้เน้นเพิ่มอำนาจของกลไกรัฐ เน้นขยายหน่วยงานของรัฐบาล แต่กลับไม่เน้นกลไกตลาดที่เป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจดิจิทัล

  • หน่วยงานที่ตั้งใหม่ มีสถานะเป็น "นิติบุคคลของรัฐ" ที่ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจ ด้วยข้ออ้างว่าสามารถกำหนดเพดานเงินเดือนสูงขึ้น ดึงดูดคนมีฝีมือ แต่กลับมีบทเฉพาะกาลเขียนให้โอนข้าราชการเดิมมาอยู่ในหน่วยงานใหม่ทั้งหมด นั่นแปลว่าได้ "คนแบบเดิมแต่เพิ่มเงินเดือนให้" หรือไม่
  • แนวทางของรัฐเปิดให้ใช้ "ดุลพินิจ" ค่อนข้างมาก กลับไม่ใช้วิธีการที่โปร่งใสกว่าอย่างการประมูล
  • คณะกรรมการดิจิทัลแห่งชาติ ควรมีหน้าที่กำหนดกรอบนโยบายกว้างๆ แต่ไม่ต้องลงลึกไปบอกว่าหน่วยงานที่ดำเนินการต้องใช้เครื่องมืออะไรเพื่อทำให้ได้ถึงเป้าหมาย
  • กองทุนดิจิทัลฯ เป็นการแก้ปัญหาของปัจจุบันที่ผิด เดิมทีสำนักงาน กสทช. โดนวิจารณ์ว่าใช้เงินเยอะ ส่วนกองทุน กสทช. โดนวิจารณ์ว่าบริหารกองทุนโดยใช้เงินน้อยเกินไป เงินออกช้า ทางแก้ควรปรับให้ตรงจุด แต่ตามร่างกฎหมายชุดนี้ รัฐบาลมองว่า กสทช. ทำแล้วไม่ได้ผล รัฐขอเอาไปทำเอง
  • แนวคิดหลายส่วนของกฎหมายเน้นการ "ควบคุม" ประชาชน ไม่ได้เน้นการสร้างคนหรือสร้างความรู้เท่าทันสื่อ

โดยสรุปแล้วถ้ารัฐยังมีแนวคิดทำนองว่า "รัฐทำเอง-ควบคุมประชาชน" ก็ไม่มีทางทำให้เศรษฐกิจดิจิทัลที่เน้น "กลไกตลาด-ประชาชน" เกิดได้

Blognone Jobs Premium