ซัมซุงเปิดตัว Galaxy S6 และ Galaxy S6 edge (ใช้ e ตัวเล็ก) ตามความคาดหมาย สเปกของทั้งสองรุ่นเหมือนกันเกือบหมด ยกเว้นขอบจอโค้ง
หน้าตาของ Galaxy S6
หน้าตาของ Galaxy S6 edge
ของใหม่ของ Galaxy S6 แยกเป็นประเด็นได้ 3 ส่วนคือ ดีไซน์ (design) ประสิทธิภาพ (performance) และการใช้งานในโลกองค์กร (enterprise)
ใช้แนวคิด Design with Purpose ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ออกแบบส่วนติดต่อผู้ใช้ใหม่ให้เหลือเฉพาะที่จำเป็นจริงๆ
ฮาร์ดแวร์ใช้วัสดุพรีเมียมทำจากโลหะและกระจก ตัวโลหะแข็งแรงกว่าปกติ 50%
สีสันของตัวเครื่องเลียนแบบอัญมณีและวัสดุมีค่า มีให้เลือกทั้งหมด 5 สี
ซัมซุงบอกว่าใช้หน้าจอคุณภาพดีที่สุดเท่าที่มี เป็น Super AMOLED ขนาด 5.1", ความละเอียด Quad HD (577 PPI), ความสว่าง 600cd/mm ช่วยให้การใช้งานกลางแจ้งดีขึ้นมาก
กระจกจอเป็น Gorilla Glass 4
ตัวหน่วยประมวลผลแรงกว่าเดิม ใช้การผลิตที่ 14 นาโนเมตร ประหยัดพลังงานขึ้น 35%
แรมเป็น DDR4 ประสิทธิภาพดีขึ้น 80%
เปลี่ยนมาใช้ Universal Flash Storage 2.0 ประสิทธิภาพของการอ่าน-เขียนข้อมูลดีขึ้น
แบตเตอรี่เป็นแบตแบบถอดเปลี่ยนไม่ได้ ซึ่งซัมซุงบอกว่าต้องมั่นใจว่าผู้ใช้จะไม่มีปัญหาถึงกล้าทำ
ฟีเจอร์ที่โฆษณาไว้เยอะคือชาร์จเร็ว ชาร์จ 10 นาที ทำงานได้นาน 4 ชั่วโมง, ถ้าเทียบกับ Galaxy S5 แล้วชาร์จเร็วกว่ากัน 1.5 เท่าตัว
เทียบการชาร์จในระยะเวลาเท่ากันแล้ว Galaxy S6 ชาร์จเร็วกว่า iPhone 6 ถึง 50%
มีระบบชาร์จไฟไร้สายในตัว รองรับมาตรฐาน WPC และ PMA สองแบบ แก้ปัญหาเรื่องความเข้ากันได้ของมาตรฐานลงได้มาก
หน้าตาเครื่องชาร์จไฟไร้สายเป็นแบบนี้
ซัมซุงบอกว่าต้องการพัฒนากล้องให้ทำงานได้ในทุกสภาพแสง สิ่งที่ผู้ใช้ต้องทำแค่กดชัตเตอร์เท่านั้น
กล้องหลังใช้เลนส์ F 1.9 มีฟีเจอร์ Real-time HDR แบบใน Note 4 และสามารถถ่ายได้ในสภาพแสงน้อย
กล้องหลังความละเอียด 16MP, ยังมี OIS ที่ใช้ใน Note 4
ซัมซุงบอกว่ากล้าเทียบคุณภาพกันตรงๆ กับกล้องหลังของ iPhone 6 Plus กับ Galaxy S6
เทียบคุณภาพของการถ่ายวิดีโอ
กล้องหลังยังทำงานอยู่ตลอดเวลา กดเข้าโหมดกล้องแล้วถ่ายได้ทันทีไม่ต้องรอบูตระบบกล้อง (Quick Launch) ถ่ายได้ภายใน 0.7 วินาทีนับจากกด Home สองทีติดกัน
กล้องหน้า 5MP F1.9 ใช้พิกเซลขนาดใหญ่ รับแสงได้มากขึ้น แถมยังเป็นมือถือรุ่นแรกที่กล้องหน้าถ่าย Real-time HDR ได้
ภาพตัวอย่างกล้องหน้า ในบาร์ที่มีสภาพแสงน้อย
มาพร้อมระบบความปลอดภัย KNOX ที่ใช้ได้กับซอฟต์แวร์บริการจัดการ (MDM) หลากหลายยี่ห้อ พร้อมใช้สำหรับการใช้งานในองค์กรขนาดใหญ่
รองรับระบบจ่ายเงิน Samsung Pay ที่ใช้ได้ทั้งจ่ายผ่าน NFC และแถบแม่เหล็กแบบเดิม Magnetic Secure Transmission (MST) เพื่อความเข้ากันได้ที่มากขึ้น บริการ Samsung Pay จะเริ่มเปิดบริการในสหรัฐอเมริกาช่วงครึ่งหลังของปีนี้
Galaxy S6 และ Galaxy S6 edge จะเริ่มวางขายวันที่ 10 เมษายน 2015 ใน 20 ประเทศ (ไม่บอกว่าประเทศไหนบ้าง) และจะค่อยๆ ขยายจำนวนประเทศต่อไป
ขนาดความจุมีให้เลือกตั้งแต่ 32GB, 64GB, 128GB (ไม่มีรุ่น 16GB แล้ว) ราคายังไม่ประกาศครับ
ที่มา - Samsung Tomorrow