เว็บไซต์ Windows Central รวบรวมสิ่งที่น่าสนใจจากที่ไมโครซอฟท์ตอบคำถามเกี่ยวกับ Surface 3 ผ่าน Reddit AMA ดังนี้
- จะมีรุ่น LTE ไม่ล็อกกับเครือข่ายด้วย แต่ยังไม่ระบุช่วงวันวางจำหน่าย
- จะพิจารณาโปรโมชัน trade-in ตามที่มีคนเสนอเข้ามา
- ที่ปั๊มโลโก้ไมโครซอฟท์ตรงขาตั้งแทนข้อความ "Surface" เพราะแท็บเล็ตนี้เป็นส่วนเสริมทางกายภาพ (physical extension) ของประสบการณ์การใช้งานซอฟต์แวร์ จึงควรใช้โลโก้บริษัทมากกว่า
- เลือกใช้ Atom x7 แทนที่จะเป็น Core M เพราะต้องการได้ทั้งประสิทธิภาพในการประมวลผลขณะใช้งานหนัก (2.4GHz) และอายุแบตเตอรี่ที่ยาวนานเมื่อไม่มีการใช้งานหนัก (1.6GHz)
- ประสิทธิภาพ eMMC บน Surface 3 นั้นประมาณครึ่งหนึ่งของ SSD ของ Surface Pro 3 ดังนั้นจึงแนะนำ Surface Pro 3 หากการใช้งานเน้นการถ่ายโอนไฟล์อย่างหนักหน่วง (อาทิ การตัดต่อวิดีโอ)
- ใช้ชิปและซอฟต์แวร์ Wi-Fi และ Bluetooth เดียวกับ Surface Pro 3 จึงไม่น่ามีปัญหาด้าน Wi-Fi กับ Bluetooth แล้ว
- แท็บเล็ตรองรับ TPM ในตัว
- เลือกใช้ microUSB แทนที่จะเป็น USB Type-C เพราะปัจจุบันนี้ microUSB เท่านั้นที่รองรับการชาร์จไฟจากตัวชาร์จทุกรุ่นในท้องตลาด นอกจากนั้นผู้ใช้ยังแปลง microUSB เป็น USB ขนาดเต็มเพื่อใช้งานอย่างอื่นได้
- เลือกขาตั้ง 3 จังหวะแทนที่จะเป็นขาตั้งปรับได้ทุกระดับแบบ Surface Pro 3 เพื่อคุมราคา Surface 3 โดยสองตำแหน่งขาตั้งมาจากSurface 2 และ Surface Pro 2 และตำแหน่งเกือบแบนราบมาจากฟีดแบ็กของ Surface Pro 3
- รองรับ Connected Standby เพียง 4 ชม. จากนั้นเครื่องจะเข้าสู่โหมดไฮเบอร์เนตแบบเดียวกับ Surface Pro 3
- รุ่น LTE มีชิป GPS ติดมาด้วย
- ไม่รองรับการต่อมอนิเตอร์แบบ daisy chaining และผู้ใช้สามารถต่อจอ 4K ได้ที่ 30Hz
- ที่ Surface 3 ซึ่งใช้ซีพียู Atom x7 และไม่มีพัดลมนั้นบางได้เพียง 8.7 มม. น้อยกว่า Surface Pro 3 ที่มากับซีพียู Core i พร้อมพัดลม เพียง 0.4 มม. เพราะบริษัทต้องการให้ Surface 3 มีประสิทธิภาพประมวลผลสูง แบตเตอรี่ใช้งานได้ทั้งวัน มีพอร์ต USB แบบเต็ม และมีขาตั้ง จึงทำให้เครื่องบางไม่ได้ไปกว่านี้
- แบตเตอรี่ขณะรับชมวิดีโออยู่ได้ 10 ชม.
ทีม Surface ยังตอบคำถามเกี่ยวกับไดรเวอร์แสดงผลของ Surface Pro 3 สำหรับ Windows 10 ที่ปัจจุบันนี้ทำให้การเชื่อมต่อผ่าน DisplayPort ไม่เสถียรด้วยว่า กำลังทดสอบไดรเวอร์ใหม่อยู่และจะปล่อยเมื่อพร้อม
ที่มา: Windows Central