ไมโครซอฟท์ปล่อย Hyperlapse บน Azure, Windows, Windows Phone และ Android แล้ว

by hisoft
14 May 2015 - 22:58

หลังจากที่ไมโครซอฟท์ได้เผยงานวิจัย Hyperlapse เมื่อปลายปีที่แล้ว รวมถึงโชว์การต่อยอดเป็นแอพบนโทรศัพท์ไปเมื่อต้นปีนี้ มาถึงวันนี้ไมโครซอฟท์ก็ได้เปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถดาวน์โหลดมาใช้งานได้แล้วครับ

ไมโครซอฟท์ได้เปิดให้เข้าถึง Hyperlapse ได้ผ่านสามช่องทาง ได้แก่ Hyperlapse for Microsoft Azure Media Services สำหรับผู้ที่ต้องการให้บริการผ่าน Azure, Hyperlapse Pro Preview สำหรับผู้ใช้ Windows และ Hyperlapse Mobile สำหรับผู้ใช้ Windows Phone และ Android สนใจตัวไหนไปดาวน์โหลดได้ตามที่มา (หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับรุ่น Azure)

ผมได้ทดลองใช้งาน Hyperlapse Pro Preview มาด้วย ดูผลการทดสอบและวิดีโอได้ท้ายข่าวครับ

Hyperlapse for Microsoft Azure Media Services เป็นบริการเพื่อให้เราสามารถนำ Hyperlapse ไปฝังกับแอพหรือเว็บได้โดยง่าย ซึ่งในช่วงนี้จะเปิดให้ใช้งานได้ฟรี แต่จะจำกัดงานอยู่ที่ 10,000 เฟรมต่องาน

ในส่วนของ Hyperlapse Mobile การใช้งานจะมีลักษณะใกล้เคียงกับ Hyperlapse ของ Instagram แต่ด้วยความแตกต่างในการทำงานของทั้งสองตัวนี้ ทำให้ Hyperlapse Mobile จากไมโครซอฟท์สามารถเลือกไฟล์วิดีโอที่บันทึกอยู่ในเครื่องมาใช้งานได้ทันที ไม่จำเป็นต้องถ่ายใหม่เหมือนของ Instagram และที่สำคัญคือแอพตัวนี้มีให้บน Windows Phone และ Android ขณะที่ของ Instagram นั้นมีเฉพาะบน iOS ครับ

ข้ามมาฝั่งของ Hyperlapse Pro Preview ที่หลายคนรอคอยกันบ้าง ตัวนี้เป็นซอฟต์แวร์สำหรับติดตั้งบนคอมพิวเตอร์ที่ใช้ Windows ทำงานโดยการเลือกไฟล์วิดีโอที่ต้องการปรับให้นิ่งมาประมวลผลใหม่ ซึ่งสามารถปรับตั้งค่าได้ทั้งความละเอียด เฟรมเรท ความเร็ว (2 - 25 เท่า) และยังสามารถเลือกกล้องที่ใช้บันทึกภาพมาเพื่อช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาดีขึ้นได้อีกด้วย โดยในปัจจุบันรองรับเฉพาะกล้อง GoPro และ Sony บางรุ่นเท่านั้น

ที่มา - Microsoft Research - Hyperlapse

จากการทดลองใช้งาน Hyperlapse Pro Preview ผลที่ได้คือคำนวณไม่นานอย่างที่คิดครับ แม้จะใช้เวลานานหลายเท่าตัวจากความยาววิดีโอ แต่ตอนแรกผมคิดว่าจะต้องรันกันเป็นวันๆ เลยทีเดียว ภาพที่ออกมาค่อนข้างดี ไม่มีอาการหลอนชัดเจนแบบที่เห็นในตัวอย่างเมื่อเปิดตัวให้เห็นแล้ว แต่ภาพกลับถูกขยายจนเหมือนกับระบบกันสั่นของ YouTube ไปแทน (จากที่เคยคุยว่าระบบนี้มีดีที่ไม่ต้องตัดขอบ) และขัดใจอีกเล็กน้อยที่ไม่มีตัวเลือกความเร็วปกติ (1x) ให้เลือก (แต่ถ้า 1x จะเป็น Hyperlapse ได้ยังไง)

ปิดท้ายด้วยวิดีโอที่ผมทดลองมาครับ ด้านซ้ายคือต้นฉบับ ด้านขวาคือทำ Hyperlapse 2x มา ก่อนจะเอามาลดความเร็ว 0.5x เพื่อให้ได้ความเร็วปกติอีกทีนึง (จะได้เทียบกับต้นฉบับได้ง่ายขึ้น) วิดีโอสองข้างนี้เวลาไม่ตรงกันเสียทีเดียวนะครับเนื่องจากผมตัดมาจากวิดีโอเต็มอีกที (ตัดมาคนละรอบกันด้วย) คุณภาพของภาพอาจจะไม่สูงมากเนื่องจากตัดต่อซ้ำซ้อนหลายรอบครับ

ภาพที่ได้ออกมา เนียนและนิ่งกว่าต้นฉบับมาก โดยเฉพาะในครึ่งหลังที่ต้องขึ้นเนินเขา รถจะโยกค่อนข้างมากเนื่องจากเนินชันมากครับ บางช่วงชัน 17-20% เลยก็มี (ความชัน 20% คือไปข้างหน้า 10 เมตร จะได้ระยะทางแนวตั้งหรือความสูงมา 2 เมตร) แต่เนื่องจากภาพส่วนมากเกิดจากการตัดขอบออกไปทำให้ผมยังค่อนข้างผิดหวังในเชิงเทคนิคอยู่ แม้ว่าโดยรวมแล้วมันจะทำหน้าที่ได้ดีมากแล้วก็ตาม

เทียบกับระบบกันสั่นของ YouTube กลายเป็นว่าสั่งเปิดกันสั่นบน YouTube นี่ใช้เวลานานกว่าตอนผมเรนเดอร์ Hyperlapse อีกครับ ภาพที่ได้ยังเอนเอียงและส่ายมากกว่า Hyperlapse (อาจจะเพราะตัดขอบน้อยกว่าด้วย)

ข่าวแนะนำ - Instagram เผยเบื้องหลังซอฟต์แวร์ "กันสั่น" ของแอพ Hyperlapse และ ไมโครซอฟท์อธิบายความต่าง Microsoft Hyperlapse กับ Instagram Hyperlapse

Blognone Jobs Premium