หลังจากสำนักงาน กสทช. ส่งหนังสือเตือนไทยทีวีให้เข้ามาชำระค่าประมูลใบอนุญาตในวันที่ 22 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ ล่าสุดนางพันธุ์ทิพา ศกุณต์ชัย หรือเจ๊ติ๋ม ทีวีพูล ก็ได้ออกมาแถลงในเรื่องนี้อย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว
โดยนางพันธุ์ทิพา ยืนยันว่าจะไม่จ่ายค่าประมูลใบอนุญาตทั้งหมดตามที่ กสทช. ได้ส่งหนังสือแจ้งมา และจะปล่อยให้ไทยทีวีและเอ็มวีทีวีแฟมิลี่ (โลกา เดิม) จอดำพร้อมกันทั้งบนทีวีดิจิทัลและทีวีดาวเทียมในวันที่ 26 กรกฎาคมนี้ ซึ่งหลังจากนี้นางพันธุ์ทิพาจะเดินหน้าหาพันธมิตรร่วมดำเนินการและจะพาช่องไทยทีวีกลับมาออกอากาศบนทีวีดาวเทียมเต็มรูปแบบต่อไป และเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้พนักงานยังคงทำงานกันต่อ
แต่อย่างไรเสีย เมื่อปลายสัปดาห์ก่อนกลับมีบทสนทนาใน LINE หลุดออกมาว่านางพันธุ์ทิพาได้ร้องขอให้พนักงานลาออกเพื่อช่วยทีวีพูลสร้างผลกำไรโชว์ตลาดก่อนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปีหน้า ซึ่งนางพันธุ์ทิพาก็ได้ยืนยันว่าเป็นความจริง แต่ไม่ได้เป็นการออกคำสั่งปลดตามที่สังคมออนไลน์เข้าใจกัน แต่เป็นการร้องขอให้พนักงานลาออกด้วยความสมัครใจเพื่อช่วยเหลือในเรื่องการเงินของทีวีพูลตามที่บอกไปใน LINE จริง โดยมีพนักงานยื่นใบลาออกแล้ว 20 คนจากพนักงานทั้งหมด 400 คน
นางพันธุ์ทิพายังบอกต่อว่า ปัจจุบันไทยทีวีมีรายได้ไม่ถึงเป้าที่วางไว้ คือมีรายได้เข้ามาเดือนละ 3-4 ล้านบาท แต่รายจ่ายกลับบานยิ่งกว่าตอนทำหนังสือ กล่าวคือต้องจ่ายเงินเดือนพนักงาน 8.5 ล้านบาทต่อเดือน จ่ายค่าเช่าช่องสัญญาณระบบ HD 5 ล้านบาทต่อเดือน เท่ากับว่าต่อเดือนไทยทีวีมีรายจ่าย 13.5 ล้านบาท ซึ่งเมื่อหักลบกับรายได้แล้ว เท่ากับว่าไทยทีวีขาดทุน 10 ล้านบาทต่อเดือน และอยากให้พนักงานทุกคนเห็นใจในจุดนี้ เพราะจะให้ทีวีพูลมาแบกรับนี้ก็ไม่ใช่เรื่อง อีกทั้งไทยทีวีก็แสดงให้เห็นว่า บริษัทมีความต้องการที่จะลดค่าใช้จ่ายจริง เช่นยกเลิกการทำข่าวสังคมต่างๆ ด้วยตัวเอง ที่ปัจจุบันมีค่าทำข่าวประมาณ 3 ล้านบาทต่อเดือน และเปลี่ยนไปเป็นการซื้อข่าวมาเล่าต่อ ซึ่งใช้งบเพียงแค่ 2 แสนบาทเท่านั้น และเปลี่ยนไปทำข่าวบันเทิงตามแนวถนัดของตัวเอง ที่ปัจจุบันมีค่าใช้จ่ายประมาณ 6 แสนบาทต่อเดือน ดังนั้นนางพันธุ์ทิพาจึงชี้ว่าการลาออกจากบริษัท ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด และทำให้พนักงานมีอนาคตที่ดีกว่าการทำงานที่เดิมด้วยนั่นเองครับ
ที่มา - คมชัดลึก