ในช่วงที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์พยายามอย่างมากที่จะผลักดันแท็บเล็ตสาย Windows ที่มีราคาถูกมากๆ ออกมาสู่ตลาด โดยมีทั้งผู้ผลิตรายใหญ่อย่าง Toshiba, HP หรือผู้ผลิตอิสระจากจีน ต่างผลิตแท็บเล็ตในกลุ่มนี้ออกมาอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งแถมให้ทั้งระบบปฏิบัติการและบริการสมาชิก Office 365 ให้ฟรีๆ ด้วย
แม้ในบ้านเราจะยังไม่ค่อยเห็นแท็บเล็ตกลุ่มนี้ออกมามาก แต่เนื่องจากผมมีโอกาสมาศึกษาต่อที่ประเทศออสเตรเลีย ทำให้ได้มีโอกาสได้เห็นแท็บเล็ตกลุ่มนี้วางขายบ้าง และมีโอกาสได้ซื้อมาเพื่อลองรีวิวประสบการณ์ในการใช้แท็บเล็ตราคาถูกสาย Windows นี้ครับ ซึ่งในครั้งนี้ที่ซื้อมาคือ Pendo Pad 7 ซึ่งลดราคาเหลือ 99 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 2,500 บาท) ครับ สเปกอ่านได้จากที่นี่ และนี่คือรีวิวครับ
คำเตือน รูปภาพเยอะมาก
Pendo เป็นบริษัทผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ท้องถิ่นของออสเตรเลีย (เทียบแล้วก็คือ i-Mobile บ้านเรา หากจะนึกใกล้เคียงที่สุด) โดยมีผลิตภัณฑ์ทั้งโทรทัศน์ แท็บเล็ต และโทรศัพท์มือถือ วางจำหน่ายตามร้านค้าหรือซุปเปอร์มาร์เก็ตอย่าง Target, Coles ซึ่งมักจะใช้วิธีการให้ผู้ผลิตสินค้าในประเทศจีน ผลิตสินค้าให้แล้วแปะตราสินค้าของตัวเองลงไป วางตัวในฐานะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ราคาถูกที่ใครๆ ก็หาซื้อมาใช้งานได้ไม่ยากนัก ซึ่งก็รวมถึงแท็บเล็ต Pendo Pad 7 ตัวนี้ด้วยเช่นกัน
หน้าตาของบรรจุภัณฑ์ถือว่าทำมาเรียบร้อยดี มาพร้อมข้อมูลสรุปอ่านเข้าใจได้ง่าย
พอเปิดกล่องออกมา จะพบแท็บเล็ตอยู่ด้านบน พร้อมระบุว่าควรชาร์จอย่างน้อย 2 ชั่วโมง ส่วนด้านล่างมีอุปกรณ์เสริมอย่างที่ชาร์จ, คู่มือ, สาย OTG มาให้ครับ
ตัวแท็บเล็ต คุณภาพก็เป็นไปตามราคาครับ หน้าจอไม่ได้ใช้กระจกแต่เป็นพลาสติกเคลือบที่แข็งกว่าพลาสติกธรรมดา ใช้ไม่นานก็เป็นรอยเต็มๆ หน้าจอ ส่วนตัวเครื่องก็ตามสมัยนิยม ใช้พลาสติกทั่วไปในตลาด พอร์ตเชื่อมต่อให้มาเท่าที่จำเป็น ความรู้สึกเดียวที่รู้สึกดีคือขนาดที่กำลังเหมาะสม สามารถจับได้มือเดียวโดยง่าย (ขนาดหน้าจอ 7 นิ้ว)
งานประกอบถือว่าอ่อนแอมาก เพราะเพียงแค่ผมใช้เล็บ (ซึ่งไม่ได้ยาวมาก) ไล่ไปตามขอบเครื่อง ฝาหลังก็หลุดออกมา เผยให้เห็นสภาพภายในเครื่องได้ชัดเจน
เมื่อเปิดเครื่องขึ้นมา ขั้นตอนการตั้งค่าเครื่องก็ไม่ต่างจากแท็บเล็ตปกติแต่ประการใด พอเข้าหน้าจอหลัก สิ่งที่ทำให้ผมผิดหวังมากที่สุดคือเรื่องของหน้าจอ กล่าวคือ แม้จะไม่คาดหวังว่าหน้าจอแท็บเล็ตในระดับราคานี้จะดี แต่เรื่องของความละเอียด (resolution) หน้าจอสำหรับ Pendo Pad 7 ตัวนี้ สร้างความปวดหัวอย่างมาก กล่าวคือ ตัวหน้าจอสนับสนุนความละเอียดแบบ native อยู่ที่ 1024x600 พิกเซล แต่เพื่อทำให้สามารถรันแอพแบบ Modern ได้ ไมโครซอฟท์ใช้วิธีปรับแต่งตัวระบบปฏิบัติการ บีบให้แสดงผลที่ระดับ 1280x768 พิกเซล ผลที่ได้คือภาพจะบิดเบี้ยวไป และตัวอักษรจะไม่ชัดเจน (ในแนวตั้ง ตัวอักษรจะผอมสูง ในแนวนอน ตัวอักษรจะกางออกเกินปกติ)
ปัญหานี้ไม่ได้มีเฉพาะ Pendo Pad 7 เท่านั้น แต่แท็บเล็ตอย่าง Toshiba Encore Mini ก็มีด้วยเช่นกัน Paul Thurrott ถึงกับตำหนิในกรณีของ Toshiba ว่าทำให้ข้อความเห็นไม่ชัดเจน และอาจส่งผลต่อสายตาได้
นอกจากปัญหาเรื่องของความละเอียดหน้าจอแล้ว อีกจุดหนึ่งที่ผมเจอคือการไม่สามารถจับภาพหน้าจอ (capture screenshot) ด้วยวิธีการใช้ปุ่มตามปกติของแท็บเล็ตได้ ซึ่งทำให้สร้างความหงุดหงิดค่อนข้างมาก ทำให้วิธีเดียวที่จะจับภาพหน้าจอได้ คือการถ่ายภายหน้าจอจากอุปกรณ์อื่นครับ
ตัวแท็บเล็ตเองเมื่อใช้งานแบบยังไม่ได้ลงโปรแกรมใดๆ จะเหลือพื้นที่ให้เพียง 5.96 GB ซึ่งเรียกว่าจำกัดจำเขี่ยมาก ยิ่งหากลง Office 365 ซึ่งแถมมาให้กับตัวเครื่อง พื้นที่ซึ่งจะได้จะเหลือน้อยลงมากกว่านี้อย่างแน่นอน
ในการใช้งานจริง ด้วยแรมที่ให้มาเพียง 1 GB ทำให้ใช้งานได้เบาๆ แต่พอขึ้นถึงงานหนักๆ ก็ใช้งานไม่เต็มที่ อีกทั้งในประเด็นของความละเอียดหน้าจอ ก็ทำให้ไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่เท่าที่ควรจะเป็นด้วย กล่าวคือ การมองหน้าจอเอกสารเป็นไปด้วยความลำบาก อีกทั้งการตอบสนองก็ไม่ดี แม้จะทำได้ก็ตามที
อีกจุดที่สำคัญคือการทำงานกลางแจ้ง แม้จะใช้ในที่ร่มได้ดี แต่พอออกพื้นที่กลางแจ้งแล้ว แทบจะไม่สามารถมองตัวอักษรได้เลย เพราะหน้าจอไม่สู้แดดเลย ทำให้หมดหวังที่จะนำออกไปใช้นอกสถานที่ครับ แม้จะเร่งความสว่างเต็มที่แล้วก็ตาม
โดยสรุปเท่าที่ใช้มาสองเดือนเศษ ผมพบว่า Pendo Pad 7 เป็นแท็บเล็ต Windows สายราคาถูก ที่ให้ประสบการณ์ผู้ใช้ซึ่งไม่น่าประทับใจแม้แต่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีคุณภาพของหน้าจอที่ถือว่าน่าผิดหวังอย่างมาก แม้อาจจะมีคนแย้งว่าด้วยระดับราคานี้อาจจะหวังมากไม่ได้ ทว่าหากประสบการณ์ที่ผู้ใช้ได้รับในส่วนที่สำคัญที่สุดนั้นไม่ดีพอ ก็ย่อมที่จะทำให้ประสบการณ์โดยรวมนั้นแย่ลงไปด้วย
ข้อดีอย่างเดียวของ Pendo Pad 7 อยู่ที่เรื่องของซอฟต์แวร์และบริการ ซึ่งการมาพร้อมกับ Windows ตัวเต็ม พร้อม Office 365 ก็ทำให้สามารถแปลงแท็บเล็ตตัวนี้ กลายเป็นเครื่องพีซีชั่วคราวได้ หรือหากคิดในอีกแง่คือเหมือนซื้อ Office 365 หนึ่งปี แล้วได้แท็บเล็ตเป็นของแถมนั่นเอง (ปัจจุบันที่ออสเตรเลีย มีโปรโมชั่นที่ให้ลูกค้าที่ซื้อผลิตภัณฑ์พร้อม Office 365 สามารถทำเรื่องขอเงินส่วนลด (rebate) จากทางไมโครซอฟท์ได้ 25 ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากราคาปกติในรุ่น Personal ที่ 89 ดอลลาร์ออสเตรเลีย)
ถามว่าน่าซื้อหรือไม่ คำตอบก็คงต้องตอบว่าไม่น่าซื้อ ยกเว้นเสียแต่ว่าจะมีวัตถุประสงค์เป็นการเฉพาะเท่านั้นครับ อย่างเช่น ซื้อให้ลูกหลานที่บ้านใช้ ก็อาจจะถือว่าคุ้มค่าคุ้มกับราคาที่จ่ายไปครับ
ข้อดี
ข้อเสีย