ตอนนี้ใน Kickstarter มีโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับผู้รักการปั่นจักรยานที่ระดมทุนสำเร็จภายในคืนเดียว มันคือหมวกจักรยานที่มีไฟหน้า, ไฟเลี้ยว และไฟเบรกอัตโนมัติอยู่ภายในตัว ชื่อของมันคือ Lumos
คุณลักษณะพิเศษของ Lumos ที่มีไฟสัญญาณครบครันนั้นก็สมกับชื่อโครงการที่แปลว่า "แสงสว่าง" มันมีไฟหน้า LED สีขาวอยู่ด้านหน้าซึ่งจะกะพริบในขณะใช้งาน ช่วยให้ผู้ขับขี่รถร่วมถนนสังเกตเห็นนักปั่นจักรยานผู้สวมใส่มันได้โดยง่ายจากระยะไกล ในขณะที่ด้านหลังของหมวกมีไฟ LED สีแดงเรียงตัวกันเป็นรูปสามเหลี่ยมทำหน้าที่เป็นไฟเบรก ทั้งยังมีไฟ LED สีเหลืองเรียงตัวเป็นแนวลูกศรกระหนาบซ้าย-ขวา ซึ่งใช้เป็นไฟเลี้ยวให้แก่นักปั่น (และยังเปลี่ยนเป็นสีแดงช่วยเสริมไฟเบรกเมื่อผู้ใช้ชะลอรถจักรยานได้ด้วย)
เมื่อผู้ใช้กดสวิตช์บนหมวก Lumos ไฟ LED สีขาวด้านหน้าและไฟเบรกสีแดงด้านหลังก็จะเริ่มทำงานด้วยการกะพริบทันที โดยในระหว่างขับขี่นั้น ตัวไฟเบรกจะทำงานอัตโนมัติเมื่อผู้ใช้ชะลอความเร็วของจักรยานลง โดยจะเปลี่ยนจากการกะพริบเป็นการส่องสว่างค้าง พร้อมๆ กันนั้นไฟเลี้ยวรูปร่างลูกศรทั้ง 2 ข้างก็จะเปลี่ยนเป็นสีแดงส่องสว่างบ่งบอกเป็นสัญญาณของการเบรก (คล้ายคลึงกับไฟท้ายรถยนต์ที่จะส่องสีแดงค้างให้รถคันข้างหลังมองเห็น และยิ่งส่องสีแดงจ้าเมื่อผู้ขับกำลังเบรกรถ)
ในส่วนการทำงานของไฟเลี้ยว หมวก Lumos จะทำงานควบคู่กับสวิตช์แบบไร้สายซึ่งจะใช้ติดตั้งอยู่ตรงบริเวณใกล้มือจับของจักรยาน ผู้ใช้เพียงกดสวิตช์ดังกล่าวเพื่อบอกทิศทางที่จะเลี้ยว ไฟสัญญาณสีเหลืองด้านหลังหมวก Lumos ก็จะกะพริบบอกเป็นสัญญาณได้ทันที
หมวก Lumos มีแบตเตอรี่ภายในที่สามารถชาร์จใหม่ได้ โดยหากผู้ใช้ปั่นจักรยานวันละประมาณ 30 นาที ก็จะสามารถใช้งานหมวก Lumos ได้นานเป็นสัปดาห์ต่อการชาร์จไฟแบตเตอรี่ผ่านสาย microUSB 1 ครั้ง ส่วนตัวสวิตช์ไฟเลี้ยวแบบไร้สายมีอายุใช้งานแบตเตอรี่นานราว 6 เดือน
แม้ตอนนี้การระดมทุนจะทะลุเป้า 120,000 ดอลลาร์ไปเรียบร้อยแล้ว แต่ยังเหลือเวลาอีก 29 วันเพื่อระดมทุนต่อ ใครที่สนใจเข้าร่วมสมทบทุนในช่วงนี้ก็ยังมีโอกาสจอง Lumos ได้ในราคาต่ำชิ้นใบละ 99 ดอลลาร์ ถูกกว่าราคาขายปลีกในอนาคตถึง 40% โดยสามารถเข้าไปร่วมสนับสนุนโครงการได้ที่นี่ โดยในตอนนี้มีหมวก Lumos ให้เลือก 2 ขนาด คือขนาดเล็กสำหรับผู้ที่มีความยาวรอบศีรษะ 54-59 เซนติเมตร และขนาดใหญ่สำหรับวงรอบศีรษะ 58-62 เซนติเมตร สามารถเลือกได้ 2 สี คือ ขาวไข่มุก และดำถ่าน
ที่มา - Engadget