กูเกิลรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2015 มีรายได้รวม 17,727 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน หากไม่รวมปัจจัยค่าเงินต่างประเทศ จะเติบโต 18% ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 4,829 ล้านดอลลาร์
รายได้หลักของกูเกิลคือโฆษณาโดยมีรายได้ส่วนนี้ 16,023 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 11% ซึ่งมาจากโฆษณาบนเว็บของกูเกิลเอง 12,402 ล้านดอลลาร์ รายได้ส่วน Paid Clicks เพิ่มขึ้น 18% ขณะที่ราคาต่อคลิก (Cost-Per-Click) ยังคงลดลงมา 11%
ซีเอฟโอ Ruth Porat กล่าวว่าผลประกอบการที่ออกมาสะท้อนการเติบโตในหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์ของกูเกิล ทั้งธุรกิจเสิร์ชซึ่งมีการเติบโตจากบนมือถืออย่างมาก ตลอดจนรายได้จาก YouTube
ในช่วงแถลงผลประกอบการกับนักวิเคราะห์ซึ่งนำโดย Ruth Porat ยังมีประเด็นอื่นที่น่าสนใจดังนี้
โดย Porat อธิบายข่าวเรื่องการจัดการภายในองค์กรใหม่ตามที่มีข่าวออกมาว่า กูเกิลจะจัดสรรทรัพยากรทั้งคนและเงินให้เป็นไปตามกฎ 70 / 20 / 10 คือ 70% กับธุรกิจหลัก, 20% กับโครงการที่เกี่ยวข้อง และ 10% กับโอกาสใหม่ที่น่าสนใจ (Google X) ซึ่งแม้นักลงทุนจะมองว่าโครงการใหม่ๆ ยังไม่เห็นผลตอบแทนที่คุ้มค่าแต่การลงทุนในระดับ 10% ของค่าใช้จ่ายก็ถือว่าไม่สูง
Porat ยังกล่าวถึงการควบคุมค่าใช้จ่ายในกูเกิล ว่ากูเกิลยังให้ความสำคัญในการลงทุนกับวิศวกรที่มีความสามารถเพื่อสนับสนุนนวัตกรรมใหม่สร้างการเติบโต ขณะเดียวกันบริษัทจะออกแบบแผนเพื่อควบคุมวินัยการใช้จ่ายภายในให้มากขึ้นด้วย
ในส่วนของ YouTube มีการเติบโตที่น่าสนใจ โดยจำนวนเวลาชมวิดีโอรวมมีการเติบโตถึง 60% หากตัดเหลือเฉพาะการดูผ่านมือถือก็เติบโตถึงกว่าเท่าตัว ที่น่าสนใจคือการชมวิดีโอโดยเริ่มต้นจากหน้าแรกของเว็บ YouTube แทนที่จะเป็นลิงก์ตรงหาวิดีโอก็เพิ่มขึ้นถึงกว่า 3 เท่า ทำให้ YouTube มีความเป็นศูนย์กลางในการเลือกชมวิดีโอมากขึ้น
ตัวเลขที่น่าสนใจอีกตัวคือค่าเฉลี่ยการดู YouTube บนมือถือนั้นสูงถึง 40 นาที ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 50% จากปีก่อน
ที่มา: กูเกิล และ Business Insider