Baidu มีชื่อขึ้นมาจากการทำระบบค้นหาในประเทศจีน แต่ล่าสุดทิศทางของบริษัทมุ่งสู่อีคอมเมิร์ซมากขึ้น โดย Robin Li ผู้ก่อตั้งและซีอีโอให้สัมภาษณ์กับ Re/code ว่าแผนการของเขาคือการเชื่อมต่อโลกออนไลน์เข้ากับออฟไลน์ (Online to Offline หรือ O2O)
Robin บอกว่าบริษัทเปลี่ยนผ่านจากเดสก์ท็อปสู่โมบายล์ได้สำเร็จในปี 2014 แต่เขาพบว่าโลกของโมบายล์ถูกจำกัดด้วย "แอพ" ที่ระบบค้นหาของ Baidu เข้าไปเก็บข้อมูลได้ไม่เยอะเหมือนยุคของเว็บ เขาจึงต้องหาตลาดใหม่ ซึ่งมาจบด้วยการขายบริการที่มีอยู่ในโลกออฟไลน์ เช่น ซื้อตั๋วหนัง ขายสินค้า รวมถึงลงทุนใน Uber
Robin อธิบายว่าแนวคิด O2O ของเขาแตกต่างจากแนวทางของกูเกิล เพราะกูเกิลเป็นบริษัทที่เน้นเทคโนโลยีเป็นหลัก แต่ธุรกิจ O2O เน้นทักษะในการดำเนินการ (operational) และต้องใช้ทีมขายจำนวนมาก เข้าไปคุยกับร้านค้าจริงๆ ในโลกออฟไลน์ให้มีประสิทธิภาพ
หลังจาก Baidu เริ่มทำธุรกิจ O2O เขาก็พบว่ายังมีโอกาสเติบโตอีกมาก ตัวอย่างคือธุรกิจโรงภาพยนตร์ในปัจจุบัน มีอัตราผู้เข้าชมที่ 15% ซึ่งสิ้นเปลืองมาก ดังนั้นถ้า Baidu สามารถขายตั๋วที่ว่างอยู่เหล่านี้ผ่านระบบออนไลน์ ก็จะเป็นประโยชน์กับทั้งบริษัทและคู่ค้า
ทุกวันนี้ Baidu ลงไปช่วยร้านค้าเล็กๆ ให้มีตัวตนในโลกออนไลน์ ตั้งแต่ถ่ายภาพสินค้าหรืออาหาร แล้วช่วยสร้างเว็บไซต์ให้ ตอนนี้ Baidu ยอมขาดทุนเพื่อสร้างอนาคต แบบเดียวกับที่ Alibaba เคยขาดทุนต่อเนื่องมานานหลายปีก่อนจะประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้
ที่มา - Re/code