เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2015 ที่ผ่านมา Michael Niedermayer ประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าโครงการ FFmpeg ที่เขาดำรงตำแหน่งมานานถึง 11 ปี เขาระบุว่าสาเหตุของการลาออกเป็นไปเพื่อให้ชุมชนนักพัฒนาของ FFmpeg ก้าวข้ามความแตกแยกในตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา และให้โครงการ FFmpeg และ Libav กลับมารวมกันอีกครั้ง
สาเหตุเบื้องลึกเบื้องหลังของการลาออกครั้งนี้ต้องย้อนกลับไปเมื่อราวปี 2010-2011 ที่ได้เกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่ขึ้นในโครงการ FFmpeg ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาไลบรารีและเครื่องมือจัดการมัลติมีเดียโอเพนซอร์สชื่อดัง นักพัฒนาแตกแยกเป็นสองฝั่ง เปิดฉากฉะสงครามน้ำลาย ลามไปจนถึงขั้นการก่อรัฐประหารยึดอำนาจจากหัวหน้าชุมชน Michael Niedermayer ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2011 แต่ไม่สำเร็จ สุดท้ายนักพัฒนาฝ่ายที่ไม่เห็นกับ Michael Niedermayer ก็พากันตบเท้าแยกตัว (fork) ไปทำโครงการใหม่ภายใต้ชื่อ "Libav"
อย่างไรก็ตามเรื่องก็ไม่ได้จบเพียงเท่านั้น ความเจ็บแค้นของทั้งสองฝั่ง (โดยเฉพาะจากทางฝั่ง Libav) ยังคงประทุออกมาให้เห็นผ่านการปะทะคารมตาม blog และ mailing list ประปราย ที่หนักหนาและอื้อฉาวที่สุดก็คงเป็นการขู่ฟ้องร้องสิทธิ์ในโลโก้เดิมของ FFmpeg (Libav อ้างว่าคนที่ออกแบบโลโก้ย้ายมาอยู่ Libav ดังนั้นสิทธิ์การใช้โลโก้ก็ควรเป็นของ Libav เท่านั้น)
นอกจากนั้นด้วยความที่ FFmpeg เป็นต้นน้ำของโปรแกรมจัดการมัลติมีเดียในฝั่งโอเพนซอร์สหลายตัว เช่น VLC, Handbrake ฯลฯ ทำให้เกิดการแตกแยกลามไล่ลงมาเป็นทอดๆ ผลกระทบที่เห็นได้ชัดที่สุดจากความขัดแย้งนี้คือการที่ลินุกซ์ดิสโทรยอดนิยมอย่าง Debian และ Ubuntu หันมาเลือก Libav แทน FFmpeg (เพราะคนทำแพคเกจ ffmpeg ของสองดิสโทรนี้เป็นนักพัฒนาที่ตบเท้าแยกไปอยู่ฝั่ง Libav)
นับแต่นั้นมา โครงการ FFmpeg กับ Libav ก็แยกกันเดินหน้าพัฒนาโครงการแบบทางใครทางมันและทำราวกับว่าไม่มีอีกโครงการอยู่ในโลก (แต่อย่าได้มีใครไปเอ่ยชื่อของโครงการอีกฝั่งให้ได้ยินนะ...) Libav เลือกแนวทางพัฒนาที่เน้นความสะอาดและคุณภาพของซอร์สโค้ด ส่วน FFmpeg เน้นไปที่ฟีเจอร์ มีอะไรใหม่ก็ใส่แบบจัดเต็มไว้ก่อน (ซึ่งนี่แหละคือหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดความวุ่นวายตั้งแต่ต้น มันเป็นเพราะทั้งสองฝั่งไม่สามารถหาจุดร่วมที่ลงรอยกันได้ในแนวทางการพัฒนา ปัจจัยอื่นๆ ก็มาจากความไม่พอใจต่อ Michael Niedermayer ด้วยเหตุผลส่วนตัว) แม้จะมีการผนวกรวมโค้ด (merge) กันเป็นระยะตามรอบการออกเวอร์ชั่น (ฝั่ง Libav จะเลือกคัดฟีเจอร์ใหม่ที่สมบูรณ์เต็มที่จาก FFmpeg ส่วนฝั่ง FFmpeg จะยัดการเปลี่ยนแปลงจาก Libav เข้าไปที่ฐานซอร์สโค้ดตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้) แต่ระยะห่างของความสัมพันธ์ก็ทำให้ฐานซอร์สโค้ดแยกห่างและรวมกันยากขึ้นเรื่อยๆ นักพัฒนาของทั้งสองฝั่งก็ดูจะตระหนักในความจริงข้อนี้ คนที่ลำบากใจที่สุดก็คงไม่พ้น Michael Niedermayer ผู้ที่นั่งอยู่ในศูนย์กลางของความขัดแย้งนั่นเอง
และเมื่อเดือนกรกฎาคม 2015 ที่ผ่านมา Debian ก็ประกาศกลับลำสลัด Libav ทิ้งแล้วหันมาเลือก FFmpeg เรื่องนี้ราวกับเป็นน้ำมันที่ราดลงบนกองไฟที่แม้จะมอดไปแล้วแต่ก็ยังคุกรุ่นอยู่ มันยิ่งทำให้การกลับมารวมกันของ FFmpeg และ Libav เป็นไปได้ยากมากขึ้น นี่จึงเป็นจุดทลายกำแพงที่ทำให้ Michael Niedermayer ตัดสินใจประกาศลาออกอย่างฉับพลัน
Michael Niedermayer หวังว่าการลาออกของเขาจะทำให้นักพัฒนาฝั่งโครงการ Libav กลับคืนถิ่นสู่อ้อมอกของโครงการ FFmpeg ได้อย่างสะดวกใจ หากในวันข้างหน้าหลังจากความสามัคคีปรองดองคืนกลับมาสู่ชุมชน FFmpeg อีกครั้งและชุมชนเห็นว่าประสบการณ์ของเขามีประโยชน์อยู่บ้าง เขาก็ยินดีรับตำแหน่งที่ปรึกษาด้วยความเต็มใจ
ในคำประกาศลาออก Michael Niedermayer ไม่มีการเสนอชื่อรักษาการหัวหน้าโครงการไว้แต่อย่างใด มีเพียงบอกไว้ว่าเขาคืนอำนาจในการเลือกหัวหน้าโครงการคนใหม่ให้แก่ชุมชน