หลังจากที่มีโครงการผลิตสาย micro USB ชนิดเสียบด้านไหนก็ได้เปิดตัวมาหลายโครงการ และมี MicFlip ที่เปิดตัวกับ Indiegogo เป็นหนึ่งในนั้น วันนี้ผมจะมารีวิวสั้น ๆ หลังจากได้รับสายมาประมาณหนึ่งสัปดาห์ครับ
เนื่องจากผมสนับสนุนไปในช่วง Super Early Bird จึงได้มาในราคา $10 พร้อมส่งฟรี (เทียบกับโครงการอื่น ๆ แล้วผมมว่าคุ้มนะครับ) มีกำหนดส่งเดือนกันยายน แต่สายนี้ผมได้รับมาช่วงปลายเดือนสิงหาคม และมีการอัพเดตโครงการเป็นระยะ ๆ ถือว่าเป็นโครงการที่น่าประทับใจโครงการหนึ่งเลยครับ (นี่เป็นการสนับสนุนโครงการสตาร์ตอัพแรกของผมด้วย ^^)
ตัวสายส่งมาในซองจดหมายสีน้ำตาลขนาดไม่ใหญ่ ไม่มีซองกันกระแทก แต่สภาพสายก็ไม่มีปัญหาอะไร ตัวบรรจุภัณฑ์ดูเรียบง่าย สมราคา (ไม่แน่ใจว่าเมื่อขายจริงจะมีการปรับบรรจุภัณฑ์ใหม่หรือไม่)
สายที่ได้มาเป็นสีเงิน ขนาด 100 เซนติเมตร มีการถักฉนวนสวยงาม ยังมีเศษด้ายรุ่ยบ้างนิดหน่อย วัสดุหุ้มขั้วเป็นอะลูมิเนียมผสมพลาสติก ดูแข็งแรงเรียบร้อยดี ถึงจะไม่ได้เก็บงานเนี๊ยบเป๊ะแต่ไม่น่าเกลียดครับ
ส่วนของขั้วเป็นทองเหลืองทั้งสองด้าน ฝั่ง USB A แต่เดิมจะออกแบบให้เสียบได้สองด้าน แต่ต่อมายกเลิกไปเกิดเพราะเกิดปัญหากับการใช้งานจริง จึงคงเหมือนสายทั่วไปในตลาด
ทางฝั่ง USB B ที่เป็นจุดเด่นของสายนี้ มีลักษณะเป็นหกเหลี่ยม และขั้วต่อจะอยู่ตรงกลางพอร์ตและมีขั้วทั้งสองด้าน (โครงสร้างคล้ายกับ Lightning ของ Apple ต่างที่ลักษณะของพอร์ต) เพื่อให้สามารถเสียบได้ทั้งสองด้านครับ
การเสียบ แน่นอนว่าต้องเสียบได้ทั้งสองด้าน (ก็จุดขายนี่นา) เวลาที่เสียบต้องออกแรงกดมากกว่าสายปกตินึดนึงให้ "คลิก" เข้าไป ตอนถอนก็เช่นกันครับ อันนี้ผมนับว่าเป็นข้อดี เพราะมันแน่นหนา ไม่หลุดง่าย
การประจุไฟ
เนื่องจากตัวสายไม่มีบอกรายละเอียดข้อมูลจำเพาะ กอปรกับผมก็ไม่ค่อยเชื่อตัวเลขสรรพคุณ จึงขอข้ามไปที่การใช้งานจริงเลยละกันครับ
อุปกรณ์ที่ทดสอบเป็นโทรศัพท์ LG G3 ใช้กับอแดปเตอร์แรงดันไฟ 2.1 A ที่ใช้งานประจำ ก่อนการประจุปล่อยให้แบตเตอรี่หมดก่อนแล้วจึงจับเวลา (คร่าว ๆ) ไม่เห็นความแตกต่างกับสายที่มากับตัวเครื่อง ทั้งนี้ผมไม่มีอุปกรณ์ที่รองรับระบบประจุไฟด่วนจึงไม่ได้ทดสอบด้วย แต่จากความเห็นผู้ใช้ใน Indiegogo บอกว่าใช้งานกับ Galaxy Note 4 พร้อมอแดปเตอร์ที่มากับเครื่องสามารถประจุไฟได้รวดเร็วไม่ต่างกันครับ
อัพเดต:
ทดสอบกับ Galaxy S6 แล้ว รองรับการประจุไฟด่วนครับ
การถ่ายโอนข้อมูล
อันนี้ก็ทำแบบบ้าน ๆ เลยคือทดลองโยนไฟล์ขนาด 766 MB เข้า LG G3 ผ่านโหมด MTP แล้วจับเวลาเทียบกับสายที่มากับเครื่อง ทั้งสองสาย และสองด้าน ได้เวลาอยู่ที่ 36 - 37 วินาที ไม่เห็นความแตกต่างครับ
หลังจากใช้มาหนึ่งสัปดาห์ก็สรุปได้ว่า "ทำไมนวัตกรรมแบบนี้ไม่มีมาตั้งแต่ตอนร่างมาตรฐาน (วะ)" ด้วยความที่ตนเองใช้ทั้ง Android และ iOS จึงให้ความรู้สึกว่าสายเส้นนี้เต็มเติมช่องว่างระหว่างสองแพลตฟอร์มให้ใกล้เคียงกันขึ้นไปอีก
ตัวสาย MicFlip และ Lightning นั้นให้ความรู้สึกที่เหมือนกันเลย ยิ่งถ้าจับไปเทียบกับสาย Lightning รุ่นที่ถักฉนวนยิ่งให้ความรู้สึกการใช้งานใกล้เคียงกันมาก ทั้งนี้ ถ้าถามว่าสาย MicFlip จำเป็นขนาดต้องมีไหม ก็อาจจะไม่จำเป็นขนาดนั้น เพราะสาย MicFlip เป็นเพียง "ตัวเลือก" ไม่เหมือนกับ Lightning ที่เป็นมาตรฐานบังคับ
ความเห็นส่วนตัวคือสายเส้นนี้เหมาะกับ
ตอนนี้รู้สึกว่าราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ $15 (ยังคงส่งฟรี) ผู้ที่สนใจสามารถลองดูกันที่ได้ Indiegogo ครับ