ในงานแถลงข่าว Microsoft Dynamics ที่ประเทศสิงคโปร์ ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ไมโครซอฟท์เชิญตัวแทนจากทีมรถแข่ง Lotus F1 (ที่ไมโครซอฟท์เป็นพันธมิตรและสปอนเซอร์) มาเล่าเบื้องหลังระบบไอทีที่ทีม F1 ใช้กัน ซึ่งเป็นของแปลกที่หาฟังได้ยากครับ
งานนี้เราได้คุณ Thomas Mayer ซึ่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (COO) ของทีม Lotus F1 (ชื่อเดิมคือ Benetton และ Renault) มาเล่ากระบวนการทำงานของทีม F1 ให้ฟังกันว่าเขาทำงานกันอย่างไร
คุณ Thomas Mayer, COO ของทีม Lotus F1 (คนขวามือในภาพ) เริ่มต้นด้วยการเล่าว่าในมุมมองของคนทั่วไป ทีมรถแข่ง F1 เน้นไปที่ประสิทธิภาพของรถยนต์ และความสามารถของนักแข่งรถเป็นหลัก แต่จริงๆ แล้วทีม F1 ถือเป็นองค์กรที่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยี (ไม่ใช่เฉพาะไอที) สูงมาก ทั้งทีมมีคนทำงานมากกว่า 500 คน มากกว่าที่เราเห็นเวลาแข่งรถเยอะเลย
คุณ Mayer บอกว่ารูปแบบการทำงานของทีม F1 (ซึ่งมีสถานะเป็นนิติบุคคล) จะคล้ายกับบริษัทในอุตสาหกรรมการบิน (aerospace) หรืออุตสาหกรรมอาวุธ (defense) ตรงที่ต้องใช้เทคโนโลยีไฮเทค ใช้เทคโนโลยีด้านวัสดุศาสตร์ และต้องมีกระบวนการผลิต (manufacturing) ที่ทันสมัยเป็นอย่างมาก เพราะวัสดุต่างๆ ที่ใช้ในรถแข่ง F1 ต้องน้ำหนักเบา มีความทนทานสูง ความแตกต่างของส่วนประกอบรถยนต์ย่อมมีผลต่ออันดับการแข่งขัน ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดขององค์กร
ทีม F1 จึงถือเป็นองค์กรที่มีความเชี่ยวชาญด้านวัสดุศาสตร์ (material science) สูงมากแห่งหนึ่งของโลก และโค้ดของซอฟต์แวร์ที่ใช้ภายในก็สามารถแชร์ร่วมกับบริษัทผลิตเครื่องบินรายใหญ่ของโลกได้ เพราะรูปแบบการทำงานคล้ายคลึงกัน
แต่จุดที่ทีม F1 ต่างจากอุตสาหกรรมการบินหรืออาวุธ คือความเร็วในการทำงาน (agility) เพราะรถแข่ง F1 แข่งกันบ่อยทุก 1-2 สัปดาห์ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ทั้งฝั่งของฮาร์ดแวร์รถยนต์ และซอฟต์แวร์ที่ใช้ควบคุม จึงมีรอบการพัฒนาที่เร็วกว่ากันมากๆ เพราะชิ้นส่วนหรือซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการแข่งสนามนี้ อาจไม่เหมาะสำหรับการใช้งานในสนามถัดไป ตรงนี้ถือเป็นข้อจำกัดของทีม F1 ที่บริษัทผลิตเครื่องบินหรืออาวุธไม่ต้องเจอ
กระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของทีม F1 ไม่ต่างอะไรกับบริษัทไฮเทคทั่วไป คือต้องมีฝ่ายวิจัย (R&D) ฝ่ายผลิต (production) และต้องมีระบบการดูแลหลังขาย (after sales service) แบบเดียวกับบริษัทไอที เพียงแต่ลูกค้าคือทีมแข่งขัน ซึ่งถือเป็นอีกส่วนงานในองค์กรเดียวกัน
ทางทีม Lotus F1 ที่คุณ Mayer ดูแลอยู่ มีรอบการพัฒนาต้นแบบ (prototyping) ผลิตภัณฑ์ทุก 2 สัปดาห์ เทคนิคสมัยใหม่อย่างการขึ้นรูปด้วย 3d printer จึงเข้ามาช่วยในการสร้างต้นแบบได้ดีมาก ทางทีมต้องออกแบบชิ้นส่วนใหม่ปีละ 50-100 ครั้ง คุณ Mayer บอกว่าการใช้ไอทีช่วยลดเวลาการทำงานลงได้มาก จากเดิมกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ 1 รอบ (นับตั้งแต่ออกแบบ ทดสอบ deploy) อาจใช้เวลานาน 4 สัปดาห์ ก็สามารถลดลงเหลือ 1 สัปดาห์ได้ ตรงนี้ทีมไหนที่มีระบบไอทีดีกว่า ทำงานเร็วกว่า ก็จะได้เปรียบคู่แข่งมากกว่า
การวิจัยรถแข่งในปัจจุบันนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยมากมาย รถแข่ง F1 หนึ่งคันมีเซ็นเซอร์มากกว่า 2,000 จุด (ส่วนใหญ่อยู่ในเครื่องยนต์) ตัวเลขทุกอย่างต้องตรวจวัดตลอดเวลา เช่น การวัดอุณหภูมิของพื้นสนามเพื่อเปลี่ยนยางให้เหมาะสม
เมื่อทางทีมต้องรองรับปริมาณข้อมูลจำนวนมหาศาลจากเซ็นเซอร์เหล่านี้ ย่อมไม่มีทางที่มนุษย์ธรรมดาจะวิเคราะห์ข้อมูลได้ทัน ทางออกคือใช้คอมพิวเตอร์เข้าช่วย ตอนนี้ทางทีมเริ่มใช้เทคนิค machine learning เข้ามาช่วยวิเคราะห์แล้ว
คุณ Mayer เล่าว่าในธุรกิจที่แข่งขันสูงแบบ F1 จะมีมุมมองที่ไม่เน้นการประหยัดเงินค่าพัฒนาระบบ เพราะเป้าหมายคือแข่งขันให้ชนะ แต่จะมีมุมมองว่าลงทุนไปแล้วต้องได้ผลลัพธ์กลับมาคุ้มค่าที่สุด ดังนั้นในทีมซอฟต์แวร์ของ Lotus F1 จะมีตัวชี้วัดของการพัฒนาโค้ดเป็น "ระยะเวลาต่อรอบ" (lapse time) ว่าถ้าลงทุนพัฒนาซอฟต์แวร์ส่วนนี้เพิ่มเข้ามา ในภาพรวมแล้วจะสามารถลด lapse time ของการแข่งขันลงได้กี่วินาที
สุดท้าย คุณ Mayer บอกว่าการนำระบบไอทีเข้ามาใช้งานยังช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น เดิมทีทางทีมของเขาต้องแบกตู้แร็คเซิร์ฟเวอร์ไปตามสนามแข่งขันต่างๆ ทั่วโลก แต่ช่วงหลังเขาสามารถรันงานบนคลาวด์ได้โดยตรง โดยเลือก provisioning ตัวโค้ดที่อยู่บนคลาวด์ไปไว้ที่ data center ที่ใกล้สนามแข่งมากที่สุดเพื่อลด latency
อย่างไรก็ตาม เขาบอกว่าการทำแบบนี้ได้ ทางสนามแข่งต้องมีอินเทอร์เน็ตให้ใช้งานมากกว่า 1 สายเพื่อทำ redundancy เผื่อว่าเน็ตมีปัญหาระหว่างการแข่งขัน จะได้ยังต่อเชื่อมระบบได้ตลอด ซึ่งตอนนี้สนามแข่งส่วนใหญ่ยังมีเน็ตแค่ 1 สายเท่านั้น ทำให้หลายกรณียังต้องใช้วิธีแบกตู้แร็คไปเหมือนเดิม
ผมมีโอกาสเข้าไปดูในสนามแข่ง F1 ที่สิงคโปร์ด้วย พบว่าตรงข้างๆ ทีมมอนิเตอร์ที่นั่งอยู่ติดขอบสนาม มีตู้แร็คขนาดเล็กวางอยู่จริงๆ ครับ (หลุดกรอบในภาพออกไปนิดหน่อย) ส่วนใน pit หรืออู่ที่อยู่ด้านข้างสนาม ก็นำระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยมากมายครับ (เผอิญว่าเขาไม่พาเข้าด้านในสุด เลยได้ดูแต่แบบไกลๆ)
หมายเหตุ: ทีม Lotus F1 ใช้ระบบ Dynamics ERP ของไมโครซอฟท์ และเป็นพาร์ทเนอร์กันหลายเรื่อง ดังจะเห็นว่าไมโครซอฟท์มีโฆษณา Xbox บนตัวถังรถ และดึงนักแข่งทีม F1 ไปเป็นพรีเซนเตอร์เกม Forza 6 ด้วย