หลังจากที่ผมเขียนบทความ แอปเปิล vs กูเกิล - ความแตกต่างที่ลงลึกตั้งแต่ปรัชญารากฐานของบริษัท ไปเมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ก่อน มีหลายคอมเมนต์ที่ถามว่า "แล้วไมโครซอฟท์ล่ะเป็นอย่างไร"
ตอบตามตรงคือผมก็ยังมองไม่ค่อยออกนักว่าที่ทางของไมโครซอฟท์อยู่ตรงไหนในโลกไอทียุคใหม่ ตัวไมโครซอฟท์เองก็อยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ อย่างไรก็ตาม ประจวบเหมาะกับที่ผมได้รับเชิญไปงานของไมโครซอฟท์ที่สิงคโปร์ ผู้บริหารของไมโครซอฟท์พูดเรื่องนี้ให้ฟังพอดี ผมคิดว่าเห็นภาพของไมโครซอฟท์ชัดเจนขึ้น เลยมาสรุปให้อ่านกันครับ
ผู้บริหารของไมโครซอฟท์เริ่มต้นด้วยประโยคแรกว่า ไมโครซอฟท์ตอนนี้ถือเป็นบริษัทใหม่ โลโก้ใหม่ ซีอีโอใหม่ และวิสัยทัศน์ใหม่ ดังนั้นเราคงต้องมองไมโครซอฟท์ในปัจจุบันให้ต่างไปจากภาพเดิมๆ ของไมโครซอฟท์ในอดีต
เริ่มจากภารกิจขององค์กร เดิมทีไมโครซอฟท์มีเป้าหมายสุดเท่ว่าบริษัทต้องการสร้างโลกที่มี "A computer on every desk and in every home" (เท่มากตรงที่ทำได้สำเร็จ) แต่คำถามคือพอบรรลุภารกิจเดิมแล้วยังไงต่อ?
ไมโครซอฟท์ตอบคำถามนี้ไม่ได้และออกอาการเป๋ ไร้ทิศทางไปสักระยะหนึ่ง ก่อนกลับมาพร้อมกับภารกิจใหม่ในปี 2014 ว่า "Empower every person and every organization on the planet to achieve more"
อ่านดูแล้วอาจงงๆ อยู่บ้าง เพราะเป้าหมายไม่ชัดเจนแบบภารกิจเดิม เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่า "achieve more" นั้นมีขอบเขตแค่ไหน แต่จากภารกิจองค์กรอันใหม่ก็พอตีความได้ว่า ไมโครซอฟท์จะยังสนใจทั้งตลาดคอนซูเมอร์ (every person) และตลาดองค์กร (every organization) อยู่เช่นเดิม
ถัดมาจากภารกิจองค์กร เป็น "มุมมอง" (worldview) ของไมโครซอฟท์ที่มีต่อโลกปัจจุบันว่าควรเป็นเช่นไร ซึ่งใครที่ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของไมโครซอฟท์คงคุ้นกับคำนี้ "Mobile-fist, Cloud-first"
แนวทางนี้จะมองว่าคิดนอกกรอบจากไมโครซอฟท์แบบเดิมๆ ("Windows-first") ก็ได้ แต่ในอีกแง่ ทุกบริษัทก็คิดแบบนี้เหมือนกันหมด ตัวอย่างที่ชัดเจนคือกูเกิล ที่มีทั้ง mobile (Android) และบริการคลาวด์สารพัดชนิด
อย่างไรก็ตาม สไลด์อันสำคัญที่ทางผู้บริหารของไมโครซอฟท์นำมาอธิบายให้ฟังคืออันนี้ครับ ยุทธศาสตร์สามขาของไมโครซอฟท์
สไลด์นี้จะช่วยตีกรอบแนวทางของไมโครซอฟท์ทั้งหมดเลยก็ว่าได้ เพราะปัจจุบันไมโครซอฟท์วางเป้าหมายย่อยของตัวเองไว้ 3 ข้อตามภาพ
ข้อนี้หมายถึงธุรกิจระบบปฏิบัติการและฮาร์ดแวร์ทั้งหมด เป้าหมายของไมโครซอฟท์คือสร้าง "คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล" ภายใต้นิยามใหม่ ที่เริ่มเปลี่ยนจากพีซี (Windows/Surface) มายังอุปกรณ์พกพา (Windows Phone/Lumia) แต่ผู้บริหารไมโครซอฟท์ก็เน้นย้ำว่า ประโยคนี้ไม่ได้จำกัดแค่อุปกรณ์พกพา แต่ครอบคลุมถึง "personal computing" ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเล่นเกม (Xbox) อุปกรณ์สวมใส่ (Microsoft Band) ไปจนถึงโลกเสมือนจริง (HoloLens)
จากข่าวทั้งหมดที่ผ่านมา เราคงพอทราบกันว่าไมโครซอฟท์ค่อนข้างจริงจังกับการสร้างฮาร์ดแวร์รูปแบบใหม่ๆ หลายชนิด ซึ่งก็สะท้อนให้เห็นผ่านยุทธศาสตร์ personal computing อันนี้
ยุทธศาสตร์ข้อนี้หมายถึงธุรกิจเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดของบริษัท ที่กำลังเปลี่ยนจากเซิร์ฟเวอร์ในองค์กร (on premise) มาเป็นคลาวด์มากขึ้นเรื่อยๆ (ซึ่งทุกคนคงคาดเดาได้ว่าปลายทางของมันคือคลาวด์ 100%)
ไมโครซอฟท์ดักทางเรื่องนี้โดยออกซอฟต์แวร์สายเซิร์ฟเวอร์ที่ทำงานได้ทั้งแบบ on premise/on cloud มีฟีเจอร์เหมือนกัน รันงานข้ามกันได้ ในอีกทางก็สร้างแพลตฟอร์ม Azure รอเอาไว้แล้ว ที่เหลือก็รอผู้ใช้พร้อมเปลี่ยนเท่านั้น
คำที่น่าสนใจคือ 'intelligent' ที่เรามองเห็นได้จากบริการบน Azure ช่วงหลังไม่ได้จำกัดตัวเองอยู่แค่การเป็นคลาวด์แบบ IaaS หรือ PaaS แต่เริ่มมีส่วนของการวิเคราะห์ข้อมูลเข้ามาด้วย (เช่น Azure Machine Learning) ตรงนี้ถือว่าคล้ายกับแนวทางของ IBM ที่มี Watson เข้ามาเป็นส่วนของระบบปัญญาประดิษฐ์เช่นกัน
ยุทธศาสตร์ข้อสุดท้ายหมายถึง Office แต่ก็ไม่ได้จำกัดแค่ "Office สำหรับงานเอกสาร" แบบที่เรารู้จักกันมานานว่า Office เอาไว้สร้างและแก้ไขไฟล์เอกสาร
ไมโครซอฟท์ใช้คำว่า 'productivity' ซึ่งหมายถึงการทำงานทุกประเภท นอกจากงานเอกสารแล้วยังรวมถึงการประสานงานร่วมกัน (SharePoint/Exchange) การสื่อสารระหว่างกัน (Skype/Lync) รวมถึงการทำงานแบบใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน ตามคำว่า 'reinvent' ช่วงหลังเราจึงเริ่มเห็น Office มีผลิตภัณฑ์ตัวแปลกใหม่อย่าง Sway หรือ Delve เกิดขึ้นมา (รวมถึงการไปไล่ซื้อแอพใหม่ๆ อย่าง Sunrise, Wunderlist ด้วย)
โดยสรุปแล้ว ถ้าพูดถึง productivity ก็ขอให้มองไปยังร่มใหญ่ที่ชื่อ Office 365 นั่นเองครับ เรื่องนี้ Satya Nadella เขียนอธิบายไว้ละเอียดในบล็อก Office 2016: Reinventing productivity and business processes
ส่วนคำว่า 'business processes' นั้นเป็นเรื่องของการปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจในองค์กร ซึ่งตรงนี้เป็นหน้าที่ของผลิตภัณฑ์ตระกูล Dynamics ที่ไมโครซอฟท์ปั้นเอาไว้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ
สรุป
ในภาพรวม ยุทธศาสตร์ใหญ่ของไมโครซอฟท์ยังไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิมเท่าไร แต่จัดระเบียบสายผลิตภัณฑ์ให้เคลียร์ขึ้นกว่าเดิมมาก เอาเข้าจริงแล้วไมโครซอฟท์ถือเป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่ และผลิตภัณฑ์หลากหลายมากจนงง (และอาจขัดกันเองภายใน)
เมื่อไมโครซอฟท์วางวิสัยทัศน์ใหม่ให้ชัดเจนขึ้น จัดกลุ่มภารกิจให้เหลือเพียงแค่ 3 กลุ่มใหญ่ (หรือจะมองเป็นบริษัทลูก 3 บริษัทก็ได้) จากนี้ไปเวลาไมโครซอฟท์ออกผลิตภัณฑ์หรือฟีเจอร์อะไรใหม่มา ก็สามารถวิเคราะห์ได้ตามกรอบยุทธศาสตร์ 3 ขาข้างต้นนี้ ว่ายังอยู่ภายใต้แนวทางข้อใดข้อหนึ่งหรือไม่ครับ