พาเที่ยวงาน Tokyo Game Show 2015

by KnightBaron
28 September 2015 - 18:15

อาจจะช้าไปสักนิดสำหรับบทความนี้ แต่พบกันอีกเช่นเคยสำหรับงานเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดประจำปีของญี่ปุ่น Tokyo Game Show 2015 โดยปีนี้งานจัดขึ้นเมื่อวันที่ 17 - 20 กันยายนที่ผ่านมา ณ Makuhari Messe

ตัวงานแบ่งเป็น 2 ช่วงโดยวันที่ 17-18 จะเป็น Business Day เปิดให้เฉพาะผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับวงการเกมรวมถึงสื่อมวลชนเข้าร่วม และวันที่ 19-20 เป็น Public Day เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าร่วมได้ด้วยครับ

ในปีนี้ผม (และทีมงาน) ได้โอกาสจากพี่ @lew และพี่ @mk เป็นตัวแทนของ Blognone เข้าร่วมงานในฐานะสื่อมวลชนอีกครั้ง ต้องขอขอบคุณอย่างสูงมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

คำเตือน: บทความนี้ยาวและภาพประกอบเยอะมาก ท่านใดที่ขี้เกียจอ่านให้จบสามารถข้ามไปชมสิ่งที่น่าสนใจจาก Flickr ของตากล้องของเรา ก่อนได้ครับ :-)

ในปีนี้ ผมไปร่วมงานในวันที่ 18 ซึ่งเป็น Business Day วันที่สอง ก่อนไปได้ข้อมูลจากสายข่าวที่ไปเดินงานมาวันแรกมาบ้างเล็กน้อยครับ

ตัวงานเปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 10:00 น. ถึง 17:00 น. แต่เพื่อความไม่ประมาท ทีมของผมไปถึงหน้างานราว 9:00 น. เพื่อลงทะเบียนเข้างานและต่อคิวเข้างานเป็นกลุ่มแรกๆ ครับ (ไปเวลานี้ได้เข้างานเป็นกลุ่มแรกๆ นี่มหัศจรรย์มาก ถ้าเป็น Public Day นี่ไม่มีทาง)

ก่อนเข้างาน พวกผมเดินชมบรรยากาศรอบงานเล็กน้อย โฆษณาภายนอกงานคราวนี้ที่เห็นมากที่สุด ดูจะเป็นเกมจากค่าย Bethesda Softworks อย่าง Fallout 4 และ The Elder Scrolls Online (แต่น่าแปลกที่ภายในงานกลับมีส่วนจัดแสดง The Elder Scrolls Online แค่โต๊ะเล็กๆ ตัวเดียว และไม่มี Fallout 4 เลยแม้แต่นิดเดียว)

ภายในงานมีการแบ่งโซนจัดแสดงยิบย่อยมากมาย แต่เนื่องจากผมมีเวลาแค่วันเดียว จึงขออนุญาตพาชมเฉพาะบูทจากค่ายเกมใหญ่ๆ เป็นหลักนะครับ

PlayStation

เป้าหมายหลักของผมในปีนี้คือมาลองเล่น PlayStation VR ครับ เนื่องจากสายได้รายงานมาว่า PlayStation VR คนแน่นมาก

ถึงแม้จะเป็น Business Day ผมจึงรีบไปที่ PlayStation เป็นบูทแรก แต่แม้รีบขนาดนี้ พอไปถึงก็พบว่าคิวทดลองเล่น PlayStation VR ค่อนข้างยาวแล้ว แถมพนักงานยังมาตะโกนที่คิวว่า "คิวนี้เลือกเล่นเกมไม่ได้ และมีสิทธิไม่ได้เล่นเลย" ให้ท้อใจเล่นเป็นระยะๆ อีกด้วย แต่หลังจากรอประมาณเกือบชั่วโมง ในที่สุดพวกผมก็ได้สัมผัส PlayStation VR สมใจอยากครับ

เกมที่พวกผมได้ทดลองเล่นคือ The Playroom VR และ Final Fantasy XIV ครับ สำหรับประสบการณ์การเล่น PlayStation VR แบบเต็มๆ สามารถอ่านได้จากอีกบทความโดยคุณปอ แต่ถ้าให้สรุปคร่าวๆ ส่วนตัวผมคิดว่า PlayStation VR ให้ประสบการณ์ค่อนข้างใกล้เคียงกับ Oculus และ VR Goggle ทั่วไปในท้องตลาด (รวมถึง Resolution ที่ยังถือว่าค่อนข้างหยาบเหมือนๆ กันทุก Platform ภาพในวิดีโอนั่นหลอกลวงทั้งเพครับ ฮา)

จุดที่สร้างความแตกต่างให้กับ PlayStation VR น่าจะเป็น Content เสียมากกว่า ตัว PlayStation VR จะถูกใช้เป็น Input สำหรับเล่นเกมด้วยการโยกหัวไปมา (เช่น เล่นเป็นสัตว์ประหลาดโยกหัวไปทำลายตึก หรือเล่นเป็นแมวโยกหัวไปจับหนูเป็นต้น) และจำเป็นต้องใช้คู่กับ PlayStation Camera ซึ่งอาจจะเป็นข้อจำกัดสำหรับคนที่ห้องค่อนข้างเล็ก รวมถึงอาจส่งผลถึงราคาเปิดที่คาดว่าค่อนข้างสูงอีกด้วย

สำหรับเกมทำลายมวลมนุษยชาติอย่าง Summer Lesson ถึงแม้ผมไม่ได้ลองเล่นเอง แต่ก็โชคดี มีโอกาสได้ถ่ายวิดีโอคนอื่นเล่นมาฝากกันแบบเต็มๆ ครับ

นอกจาก PlayStation VR แล้ว ที่บูทก็ยังมีเกมใหม่ที่ยังไม่ออกวางจำหน่ายให้ทดลองเล่นกันมากมาย เกมที่ผมเลือกทดลองเล่นคือ Star Ocean 5: Integrity and Faithlessness ครับ ซึ่งก็สนุกตามแบบฉบับ Star Ocean (รสนิยมส่วนตัว) ส่วนเกมที่น่าสนใจอื่นๆ อาทิเช่น Gravity Daze (PS4), Dark Soul 3 หรือ Bloodborne: The Old Hunters คิวยาวจนสิ้นหวัง ผมจึงต้องขอยอมแพ้เพื่อเอาเวลาไปเดินชมบูทอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย

นอกจากนี้ที่บูทยังมีตัวอย่าง PlayStation Vita สีใหม่ และ PlayStation 4 Controller สีพิเศษมาให้เชยชมกันอีกด้วย ซึ่งทำเอากระเป๋าตังของผมถึงกับสั่นเลยทีเดียว (แต่ยังไม่ลั่นครับ :P)

SEGA

บูทถัดมาเป็นของ SEGA รวมทั้ง Atlus ซึ่งเป็นค่ายลูกของ SEGA อีกทีครับ (ผมก็เพิ่งทราบ!)

น่าเสียดายที่เกมที่น่าจับตามองที่สุดอย่าง Persona 5 กลับปรากฏตัวเพียงในซอกหลืบเล็กๆ ของบูท ถ้าไม่สังเกตก็จะผ่านไปเลย เกมอื่นที่น่าสนใจคือ Ryu ga Gotoku: Kiwami (Yakuza: Kiwami) ที่เป็นการ Remake เกมภาคแรกลงเครื่อง PlayStation 3 และ PlayStation 4 และ Odin Sphere: Leifthrasir ที่นำ Odin Sphere มา Remaster ใหม่ลงเครื่อง PlayStation 3, PlayStation 4 และ PlayStation Vita

จุดที่น่าสนใจที่สุดของบูทเป็นโซนทดลองเล่นเกมใหม่ๆ ซึ่งทาง SEGA ขนเกมมาให้ลองเล่นกันอย่างเต็มอิ่ม เช่น Project Diva X, Blade Arcus, Steins; Gate 0 และเกมอื่นๆ อีกมากมาย

ผมได้ลองเล่น Miracle Girls Festival ซึ่งเป็น Music Game ที่ใช้ Engine จาก Project Diva และรวมตัวละครจากการ์ตูนหลายๆ เรื่องมาไว้ด้วยกัน เท่าที่ได้ลองเล่นก็ถือว่าผ่าน แต่ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเป็นพิเศษ

Granblue Fantasy (Cygames)

ถัดไปเป็นบูทที่อลังการที่สุดของงานนี้ นั่นคือบูทเกม Granblue Fantasy จากค่าย Cygames เกมนี้เป็นเกม RPG สำหรับเล่นบนโทรศัพท์มือถือของญี่ปุ่น ขึ้นชื่อด้านงานภาพที่งามหยดย้อย แต่นอกจากตัวบูทสุดอลังการ (และ Cosplay สุดงาม) แล้วก็ไม่มีอย่างอื่นมาแสดงสักเท่าไหร่ครับ ไม่มีแม้แต่ตัวเกมมาแสดงด้วยซ้ำ :(

สำหรับเกมอื่นจาก Cygames (เช่น THE iDOLM@STER Starlight Stage ที่กำลังดังเป็นพลุแตกในขณะนี้) กลับไม่มีปรากฏเลยแม้แต่เงาครับ

DMM Games

DMM Games เป็นผู้ให้บริการเกมออนไลน์แบบเล่นบนเบราว์เซอร์รายใหญ่ของญี่ปุ่น ปีนี้บูทแบ่งเป็นสองโซน คือโซน Kantai Collection (KanColle) ซึ่งเป็นเกมที่เลื่องชื่อที่สุดของค่ายนี้ (ที่ผู้เขียนเองก็ติดงอมแงม) และอีกโซนสำหรับเกมอื่นๆ ที่เหลือทั้งหมดของค่ายครับ

ทางฝั่ง KanColle เปิด theater ฉาย trailers ต่างๆ จากทั้งเกมภาค Arcade, PlayStation Vita รวมถึงจาก Anime ภาคหนังโรง แต่ส่วนมากเป็นของเก่า สามารถหาดูได้ทั่วไปครับ (โดนหลอกให้ต่อคิวเข้ามาดูนั่นเอง) นอกจากนั้นก็เป็นตู้แสดงฟิกเกอร์งามๆ จากเกมนี้ที่น่าจะฟาดเงินในกระเป๋าผู้เขียนไปได้หลายหมื่นเยน (ภาพทั้งหมดสามารถดูได้จากอัลบัมใน Flickr ครับ)

อีกฝั่งรวมเกมที่เหลือของค่าย (ซึ่งไม่ค่อยจะมีใครรู้จักกันสักเท่าไหร่) เกมที่น่าจะเป็นที่รู้จักที่สุดน่าจะเป็นเกม Touken Ranbu ซึ่งเป็นเกมแนว KanColle สำหรับสาวๆ นั่นเองครับ

นอกจากนี้ ทางบูทยังมี The Elder Scrolls Online จัดแสดงอยู่ด้วย แต่เป็นเพียงโต๊ะเล็กๆ ตัวเดียว แถมไม่ค่อยมีคนสนใจสักเท่าไหร่ คิดว่าเกมแนวนี้อาจจะไม่ถูกจริตชาวญี่ปุ่นครับ

Oculus

ปีนี้ Oculus มาแบบยิ่งใหญ่ครับ นำมาให้ลองสัมผัสทั้ง Samsung Gear VR และ Oculus Rift รุ่นล่าสุด พร้อมคอนโทรลเลอร์ Oculus Touch

แต่น่าเสียดายที่กว่าผมจะเวียนมาถึงบูทนี้ คิวทดลองเล่นทั้ง 2 อุปกรณ์เต็มไปทั้งคู่แล้ว ผมจึงได้เพียงเก็บภาพบรรยากาศการใช้งานของผู้ร่วมทดสอบท่านอื่นๆ (พลางเช็ดน้ำลาย) น่าเสียดายที่ Oculus Rift ให้ทดลองเล่นในห้องปิด จึงไม่สามารถเก็บภาพมาได้ครับ

EA Games

ปีนี้ EA ขนเกมมาแสดงเพียงเกมเดียว คือ Star Wars Battlefront แต่ชดเชยด้วยการสาธิตอย่างยิ่งใหญ่ นอกจาก Co-op Campaign ที่ให้ลองเล่นที่ละ 2 คนแล้ว ไฮไลท์ของบูทคือสนามรบที่ให้ลองเล่นกันทีละ 40 คนบนเวทีหลัก น่าสนุกมากครับ เสียดายที่เราคงไม่มีเวลาขนาดนั้น จึงได้เพียงเก็บบรรยากาศรอบๆ บูทมาฝากครับ

Capcom

Capcom ในปีนี้จัดบูทมาอลังการเช่นเคย แบ่งเป็นส่วนตามเกมเด่นๆ ที่นำมาแสดงดังนี้

เกมที่โด่งดังที่สุดของ Capcom ในขณะนี้ (ในประเทศญี่ปุ่น) คงหนีไม่พ้นซีรีส์ Monster Hunter และในปีนี้ Capcom ก็จัดหนักด้วยการนำ Monster Hunter X (อ่านว่า "ครอส") มาให้ลองเล่นกัน น่าเสียดายที่ผมเล่นเกมแนวนี้ไม่ค่อยจะเป็น เลยไม่ได้ลองเล่นด้วยตัวเองครับ

ถัดมาเป็นเกมในซีรีส์ Biohazard ที่ปีนี้เปิดตัวด้วยกัน 2 เกมคือ Biohazard Zero HD Remaster และ Biohazard Umbrella Corps (ซึ่งเป็นเกมแนว 3rd-person Shooter ที่ขอบอกตามตรงว่าดูแล้วยังรู้สึกเฉยๆ ครับ) นอกจากนี้ยังมีโซนทดลองยิงปืนอัดลม (ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด) มาเปิดให้เล่นกันอีกครั้งเช่นเดียวกับปีที่แล้ว

ส่วนของ Street Fighter V ไม่มีอะไรหวือหวา มีโซนให้ถ่ายภาพ และมีเกมให้ทดลองเล่นเฉยๆ

โซนที่มาแบบอลังการผิดคาดคือเกม Gyakuten Saiban 6 (Ace Attorney 6) ที่จัดบูทเลียนแบบศาลในเกมกันเลยทีเดียว

Square Enix

เมื่อพูดถึง Square Enix แล้ว ทุกคนคงนึกถึงซีรีส์ Final Fantasy น่าเสียดายที่งานนี้ไม่มีข่าวใหญ่สักเท่าไหร่ (อาจเป็นเพราะประกาศไปตั้งแต่งาน E3 แล้ว)

เกมซีรีส์นี้เกมเดียวที่นำมาให้เล่นกันคือ Final Fantasy XIV: Heavensward ที่วางจำหน่ายมาได้สักพักแล้ว จัดว่าปีนี้ Square Enix มาแบบเงียบๆ ไม่มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษครับ

กลับกัน เกมที่ผมคิดว่าน่าสนใจที่สุดในปีนี้คือ Dragon Quest Minecraft Builders ซึ่งในวันที่ผมไป อนุญาตให้สื่อเท่านั้นสามารถทดลองเล่นได้

ส่วนตัวผมไม่เคยเล่น Minecraft คงไม่สามารถเปรียบเทียบทั้งสองเกมอย่างลึกซึ้งได้ แต่จากที่ลองเล่นดูพบว่า Dragon Quest Builders มีความเป็น RPG ค่อนข้างสูง มี NPC คอยให้ Quest และเน้นการต่อสู้กับมอนสเตอร์ค่อนข้างมาก โลกในเกมจะค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับ Minecraft (ที่เห็นได้ชัดคือขุดพื้นลงไปไม่กี่ชั้นก็สุดแล้ว) แต่อาจเป็นเพราะเป็นเกมเวอร์ชันตัวอย่างเท่านั้น คงต้องรอดูเกมเต็มๆ ก่อนจะตัดสินกันอีกทีครับ

Bandai Namco

ความประทับใจแรกเมื่อเดินมาถึงบูทนี้คือ #บันไดใหญ่มาก แบบว่าชุดพริตตี้บูทนี้หวือหวามากครับ ;p เวทีหลักของบูทก็ทำมาอย่างอลังการ แต่เกมที่นำมาแสดงจริงๆ กลับซ่อนอยู่หลังบูท และไม่มีเกมเด่นๆ มากนัก

ที่น่าสนใจมี God Eater Resurrection (กับซุ้มถ่ายภาพสุดเท่ที่ให้ผมได้ลองควงอาวุธแบบเดียวกับในเกมจริงๆ) และ Gundam Extreme VS-Force ซึ่งผมไม่ได้ลองเล่นทั้งคู่ เนื่องจากเวลาไม่อำนวย และไม่สันทัดเกมแนวนี้สักเท่าไหร่

Koei Tecmo

ที่โดดเด่นที่สุดในบูทนี้คือเกม Shingeki no Kyojin (Attack on Titan) เวอร์ชันสำหรับเครื่อง PlayStation 3, PlayStation 4 และ PlayStation Vita ครับ (คนละเกมกับภาคที่ลง Nintendo 3DS ไปก่อนหน้านี้)

น่าเสียดายที่ในงานนี้ไม่มีเกมจริงๆ ให้ทดลองเล่น มีเพียง Gameplay Video ให้ชม แต่ก็ชดเชยด้วยการมีซุ้มให้ผู้ร่วมงานถ่ายภาพหน้าของตัวเอง แล้วฉายขึ้นไปเป็นหน้าไททันหล่อๆ ครับ

เกมอื่นๆ ที่น่าสนใจภายในบูทก็มี Zelda Musou: Hyrule All-Stars สำหรับเครื่อง Nintendo 3DS (เป็นหนึ่งในไม่กี่เกมจากสำหรับเครื่อง Nintendo ที่โผล่มาในงานนี้!) และ Arslan Senki X Musou ที่ดูแล้วน่าสนุกใช้ได้ทีเดียวครับ

ม้ามืดจาก Koei Tecmo ในงานนี้ สำหรับผมแล้วคิดว่าเป็น Nioh ครับ ในงานมี Gameplay Demo Video ให้ดูในห้องปิด ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ แต่เท่าที่ผมดูแล้วสรุปสั้นๆ ได้ว่ามันน่าจะเป็น Dark Soul + Geralt (The Witcher) + ธีมญี่ปุ่น ซึ่งก็น่าสนุกไม่เลวครับ แต่เกมจริงออกมาจะดีแค่ไหนคงต้องว่ากันอีกที

สุดท้ายเป็นเกมจากค่ายโปรดของผมเองนั่นคือ Gust ซึ่งควบรวบกับ Koei Tecmo ไปเมื่อปีที่แล้ว ในปีนี้มี Sophie no Atelier มาให้เล่นกันพร้อมตัวอย่างชุด Limited Edition มาแสดง แต่เกมเป็นที่จับตามองที่สุดอย่าง Yoru no Nai Kuni (เนื่องจากงานภาพที่ดี) ยังไม่มีให้ทดลองเล่น มีแต่ของแถมมาล่อตาล่อใจตามระเบียบครับ

Bushiroad

มาถึง Bushiroad คงหนีไม่พ้นแฟรนไชส์ที่ทำเงินให้กับทางค่ายเป็นกอบเป็นกำ เรียกได้ว่าดังทะลุฟ้า (ในประเทศญี่ปุ่น) เมื่อปีที่แล้วอย่าง Love Live! ซึ่งทำมาแล้วทั้งหนังสือการ์ตูน, อนิเม และเกม

ตัวเกมเป็นแนว Free-to-play Music Game สำหรับสมาร์ทโฟน เวทีหลักของบูทเอาตัวเกมกดเข้าจังหวะมาให้เล่นกันบนจอใหญ่โดยแบ่งกันกด 1 คนต่อ 1 ปุ่ม (ดูวิดีโอด้านบนน่าจะเข้าใจได้ง่ายกว่าครับ) ซึ่งเรียกผู้สนใจได้ค่อนข้างหนาตาทีเดียวครับ

ที่เจ๋งมากๆ คือโต๊ะเล่นการ์ดเกม Cardfight!! Vanguard แบบอลังการครับ โดยมี Projector ฉายกระดานลงบนโต๊พร้อมทั้งยิง effect ต่างๆ ระหว่างการเล่นเกม อีกทั้งยังมีกล้องคอยตรวจสอบสถานะของเกม และคำนวณพลังชีวิตของแต่ละฝั่งให้เสร็จสรรพ เรียกได้ว่าใกล้เคียงกับฉากดวลการ์ดในการ์ตูนเลยครับ น่าเสียดายที่โต๊ะนี้ถูกแสดงอยู่เพียงในโซนเล็กๆ ภายในบูทเท่านั้น

Konami

สำหรับ Konami คราวนี้ไม่ค่อยมีข่าวคราวเกมใหม่ ที่เด่นที่สุดต้องยกให้ Metal Gear Online ที่เป็นโหมดผู้เล่นหลายคนของ Metal Gear Solid V: The Phantom Pain ซึ่งจะเปิดให้เล่นจริงในวันที่ 6 ตุลาคมนี้สำหรับฝั่ง Console และในเดือนมกราคมปีหน้าสำหรับ PC โดยสามารถทดลองเล่นได้ก่อนภายในงานครับ

ที่เจ๋งสุดๆ (แม้จะไม่อยากใช้คำนี้กับ Konami สักเท่าไหร่) คือภายในงานนี้เราสามารถถ่ายภาพหน้าตัวเอง เพื่อนำไปทำเป็นปกเกม Metal Gear Solid V (และเกมอื่นๆ ที่ไม่มีใครสนใจ) ทางบูทจะพิมพ์ภาพใส่กล่องเกมจริงๆ ให้เราเอากลับบ้านได้ด้วย น่าเสียดายที่ผมไปบูท Konami เป็นบูทสุดท้าย ซึ่งกล่องหมด และคิวถ่ายรูปก็เลิกรับคนต่อเพิ่มแล้ว

สรุป

โดยสรุปแล้ว เนื่องจาก Microsoft ไม่ได้เข้าร่วมงานในปีนี้ (และ Nintendo ไม่เคยร่วมงานอยู่แล้ว) ทำให้ฝั่ง PlayStation กินขาดทั้งงานครับ เรียกได้ว่าเป็น PlayStation Game Show คงไม่ผิดนัก

แต่โดยรวมแล้วผมรู้สึกว่าเกมคอนโซลระดับ AAA ในงานในปีนี้ค่อนข้างซบเซากว่าปีก่อนๆ ในขณะที่ฝั่งเกมมือถือกลับมาแรงมากๆ ซึ่งก็สะท้อนตลาดเกมญี่ปุ่น ณ ปัจจุบันได้เป็นอย่างดี

นอกจากในส่วนของบูทจากค่ายเกมใหญ่ๆ ที่ผมพาชมในวันนี้แล้ว ในงานยังมีโซน Indie Game แยกอยู่อีกฮอลหนึ่งด้วย รายละเอียดสามารถติดตามได้ในอีกบทความจากคุณ smartbad ครับ

สำหรับภาพแบบเต็มๆ ทั้งหมดสามารถรับชมได้ที่อัลบัมใน Flickr และสุดท้ายนี้ก่อนจากกัน ขอลาไปด้วยสิ่งที่น่าสนใจจาก Flickr ของตากล้องของเราครับ

Blognone Jobs Premium