การประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2558 มีมติเห็นชอบข้อเสนอของกระทรวงการคลัง เรื่องมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนกิจการเงินร่วมลงทุน (Venture Capital) สำหรับการลงทุนในกิจการที่ใช้เทคโนโลยีหลักเป็นฐานในการประกอบธุรกิจ โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้
บริษัทเป้าหมาย
บริษัทเป้าหมายที่จะไปลงทุน ต้องเป็น "บริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยซึ่งประกอบกิจการที่ใช้เทคโนโลยีหลักเป็นฐานในการทำธุรกิจไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน และไม่เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย"
บริษัทที่เข้าข่าย "กิจการที่ใช้เทคโนโลยีหลักเป็นฐานในการทำธุรกิจ" จะต้องใช้เทคโนโลยีกลุ่มที่ สวทช. กำหนด, อยู่ในอุตสาหกรรม 10 กลุ่มตามรายชื่อ, และต้องขอการรับรองจาก สวทช. ด้วย
กิจการร่วมลงทุน
รายละเอียดของการงดเว้นภาษีมีเงื่อนไขย่อยๆ อีกเยอะ โปรดอ่านข้อความต้นฉบับเพื่อความชัวร์ครับ
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงแนวคิดเบื้องหลังมาตรการนี้ว่า
“ตั้งแต่อดีตพูดกันเรื่องเวนเจอร์แคปปิตอลมานานมากแต่เกิดขึ้นในประเทศไทยได้ยาก เพราะดีมานด์ในขณะนั้นยังไม่เกิด แต่ขณะนี้สิ่งแวดล้อมต่างกัน มีสตาร์ตอัพใหม่ๆเกิดขึ้นจำนวนมาก จึงหารือกับ รมว.คลัง ต้องพยายามทำให้เกิดขึ้นมา ปัญหาเรื่องภาษีเป็นตัวกีดกันอยู่ จึงต้องปลดล็อกตรงนี้ก่อน และจะดูว่าได้ผลหรือไม่ได้ผลแค่ไหนมีอะไรที่ต้องช่วยเหลือกันอีกบ้าง ในอนาคตอยากดึงให้บริษัทใหญ่ๆเข้ามามีส่วนร่วมในการเป็นคอปอเรตเวนเจอร์ เข้ามาถือหุ้นในเอสเอ็มอีและสตาร์ตอัพใหม่ๆ ซึ่งในต่างประเทศมีคอปอเรตเวนเจอร์มาก เช่น ที่สิงคโปร์ เรื่องเหล่านี้เป็นแนวโน้มของโลก”
ที่มา - Thaigov.go.th, Thairath