ลองฟังเครื่องเสียง Hi-Res Audio รุ่นปี 2015 ของ Sony

by at1987
17 October 2015 - 16:36

ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ผมมีโอกาสร่วมฟังสินค้าในหมวด Hi-Res Audio ประจำปี 2015 ของทาง Sony ก็เลยจะมาแชร์ข้อมูลที่ได้รับมา และประสบการณ์การทดลองฟังเสียงครับ

เนื่องจากผมคิดว่าอาจมีเพื่อน ๆ หลาย ๆ ท่านที่ไม่ได้ติดตามเรื่อง High Resolution Audio มาโดยตลอด ผมจึงเขียนบทความนี้ใหม่ โดยยึดตามบทความที่ผมเขียนไว้ที่บล็อกของผมนะครับ

ก่อนเข้ารายงาน ต้องขอเท้าความเกี่ยวกับสินค้า Hi-Res Audio ของ Sony กันก่อนนะครับ

ความเป็นมาของ Hi-Res Audio

สินค้ากลุ่ม Hi-Res Audio ของ Sony เริ่มต้นมาจากที่ค่ายเพลง Big Three (ได้แก่ Universal Music, Warner Music และ Sony Music) และกลุ่ม Consumer Electronics Association (CEA) ต้องการผลักดันรูปแบบไฟล์เพลงความละเอียดสูงขึ้นมา ทำให้ Sony Electronics เริ่มผลิตสินค้าที่ออกแบบให้สามารถเล่นไฟล์เพลงความละเอียดสูงนี้ขึ้นมา โดยเริ่มต้นจับตลาดในกลุ่มผู้ใช้ Music Lover ซึ่งรักในการฟังเพลงและใส่ใจกับคุณภาพของอุปกรณ์ที่ใช้ฟังเพลงในระดับหนึ่งก่อน หนึ่งในสินค้าตัวที่ใช้บุกเบิกก็คือ Walkman ZX1 ในปี 2013

ปี 2014 ด้วยความสำเร็จในการเข้าถึงกลุ่ม Music Lover ทาง Sony เริ่มเปิดตลาดกลุ่ม Audiophile หรือที่เรามักรู้จักกันในนามกลุ่ม "หูทอง" ด้วยสินค้าที่ออกแบบเน้นในเรื่องของน้ำเสียงมากขึ้น เช่น Walkman ZX2 หูฟัง XBA-Z5 และ MDR-Z7

ในปี 2015 เนื่องจากในกลุ่ม Audiophile เริ่มมีการแข่งขันกันสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทาง Sony เห็นว่า ควรจะนำสินค้ากลุ่ม Hi-Res Audio ไปเปิดในกลุ่มผู้ใช้กลุ่มใหม่คือกลุ่มผู้ใช้ธรรมดาทั่วไป ที่ไม่ได้สนใจในเรื่องเทคนิค สนใจเพียงแค่มีเพลงฟังก็พอแล้ว จึงเป็นที่มาของสินค้า Hi-Res Audio ประจำปีนี้ของทาง Sony ครับ

หมายเหตุ เนื่องจากเวลาในงานมีค่อนข้างจำกัด ผมจึงไม่ได้ใช้เวลาลองกับสินค้าแต่ละอย่างเยอะมาก รวมทั้งของที่นำมาให้ลองก็เป็นสินค้าใหม่ ผลการทดลองฟังที่ได้อาจไม่ถูกต้อง 100% ครับ

h.ear

h.ear (อ่านว่า "เฮียร์") เป็นหูฟังตระกูลใหม่ที่ทำมาจับในกลุ่มตลาดคนฟังเพลงทั่ว ๆ ไป เน้นในเรื่องของงานออกแบบที่ใช้สีเพียงสีเดียวบนตัวหูฟัง เพื่อให้ดูสวยงามและมีเอกลักษณ์ โดยไม่ละทิ้งคุณภาพเสียงตามสไตล์สินค้า Hi-Res Audio ของ Sony

หูฟังตระกูลนี้จะประกอบไปด้วย หูฟังแบบครอบหู h.ear on หูฟังแบบสอดหู h.ear in และหูฟังสอดหูที่มีระบบตัดเสียงรบกวน h.ear in NC

h.ear on

h.ear on หรือ MDR-100AAP ซึ่งเป็นหูฟังแบบครอบหู ที่ถูกวางตัวมาแทนตัว MDR-10R ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2013 วัสดุตัวหูฟังจะทำจากพลาสติกเป็นส่วนใหญ่ ยกเว้นตรงโครงสร้างหลักของก้านและตัวคัพด้านนอกที่เป็นโลหะ

แพดหูฟังมีขนาดค่อนข้างเล็กกว่า MDR-1A แต่ก็สามารถครอบใบหูขนาดกลาง ๆ ของผมได้ ตัวขับใช้ไดอะแฟรมที่เคลือบไทเทเนียมไว้ ทำให้สามารถตอบสนองความถี่ได้ในช่วง 5 - 60,000 Hz ได้

เรื่องของเสียงนั้น ทาง Sony แจ้งว่า จะมีลักษณะคล้าย MDR-1A  คือ ปริมาณเบสไม่เยอะ กลางออกโปร่ง ๆ หวาน ๆ  แต่เสียงแหลมของ h.ear on จะไม่ได้แหลมมากนัก ซึ่งเมื่อเทียบกับหูฟังแฟชั่นตัวอื่น ๆ ในท้องตลาด หรือแม้กระทั่ง MDR-10R เอง ที่จูนเสียงเน้นฟังมัน ๆ ไว้ก่อน ก็ยอมรับว่า Sony กล้าทำแนวเสียงแบบนี้กับหูฟังตัวนี้ครับ

ลูกเล่นอีกอย่างของ h.ear on คือสามารถเปลี่ยนสายที่ติดมาไปใช้งานสายอัพเกรดต่าง ๆ ของ MDR-1A ที่เป็นหูฟังรุ่นใหญ่กว่าได้ ซึ่งก็รวมไปถึงสายสำหรับการเชื่อมต่อแบบ balanced กับแอมป์ PHA-3 อีกด้วย

h.ear in

h.ear in หูฟังแบบสอดหูที่ใช้ตัวขับไดนามิคขนาด 9 มม. ที่ออกแบบมาใหม่ ร่วมกับท่อนำเสียง ในตัวถังรูปทรงขวดชิ้นเดียว ทำให้สามารถตอบสนองความถี่ได้ถึง 40,000 Hz สายหูฟังจะเป็นแบบแยกกราวด์ซ้าย - ขวาเพื่อลด cross talk และมาพร้อมปุ่มควบคุมและไมโครโฟน สำหรับใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน Android และ iOS

เรื่องของเสียง h.ear in นั้นจะเน้นในช่วงเสียงกลางและแหลมเป็นหลัก แต่เสียงแหลมนั้นฟังดูนุ่มนวล ไม่แสบหูมากนัก

h.ear in NC

หูฟังตัวสุดท้ายที่ได้ลองฟังในงานคือ h.ear in NC หรือ MDR-EX750NA ซึ่งได้เพิ่มเติมระบบตัดเสียงรบกวนจากภายนอก Digital NC เข้ามา ความพิเศษของเจ้า h.ear in NC คือ Digital NC นั้นถูกออกแบบใหม่มาให้รองรับการประมวลผลเสียงในความละเอียดสูงได้

ตัวหูฟังจะเพิ่มไมโครโฟนรับเสียงมาให้ข้างละ 2 ตัว เพื่อให้ฟังเสียงจากภายนอก เพื่อนำมาสร้างสัญญาณเสียงกลับเฟส เอาไปหักล้างกับเสียงภายนอกที่ได้ยิน

เรื่องของเสียง ผมคิดว่าเสียงออกมาใกล้เคียงตัว h.ear in ปกติมาก แต่รู้สึกว่าเสียงแหลมมันจะมีน้อยกว่า ส่วน Digital NC นั้นก็สามารถทำงานได้ดี ลดเสียงรบกวนในบริเวณที่ฟังได้ แต่ก็ไม่สามารถหักล้างเสียง noise ความถี่สูงที่ในงานเปิดเอาไว้ให้ทดสอบระบบนี้ได้

นอกเหนือจาก MDR-EX750NA แล้ว h.ear in NC ยังมีหูฟังรุ่นย่อยที่มีเฉพาะตัวหูฟังอย่างเดียว แล้วใช้ตัวประมวลผล Digital NC ในอุปกรณ์ ออกแบบมาให้สำหรับ Walkman โดยเฉพาะ คือ MDR-NW750N และสำหรับ Xperia คือ MDR-NC750 ซึ่งนอกจากค่าความต้านทานที่ไม่เท่ากันแล้ว ทุกอย่างก็หน้าตาเหมือนกันหมด

ในงานยังได้มีการเปิดตัวพรีเซนเตอร์ของหูฟัง h.ear เหมือนในประเทศอื่น ๆ ด้วย ซึ่งในบ้านเรา ได้คุณวิโอเลต วอเทียร์ และคุณเล็ก Greasy Cafe มารับหน้าที่นี้ครับ

ส่วนสีของ h.ear ที่มีให้เลือกซื้อนั้น เป็นสีชุดเดียวกับของ Walkman A25 คือ Charcoal Black, Viridian Blue, Bordeaux Pink, Cinnabar Red และ Lime Yellow ซึ่ง MDR-EX100AAP และ MDR-EX750AP จะมีขายทั้งหมด 5 สีที่ว่ามา ส่วน MDR-EX750NA จะมีเฉพาะสี Charcoal Black และ Cinnabar Red และ MDR-NC750 จะมีเฉพาะสีขาวและสีดำซึ่งเป็นโทนสีของสินค้ากลุ่ม Xperia ครับ

Walkman A20

Walkman A20 เป็นภาคต่อของ Walkman A10 เมื่อปีที่แล้ว ตัวเครื่องโดยรวมแล้วยังเหมือนเดิมทุกอย่าง ทั้งรูปทรง หน้าตา และ OS แต่เพิ่มความสามารถให้ระบบ Digital NC ภายใน ให้รองรับการประมวลผลเสียงแบบความละเอียดสูงได้ครับ

น้ำเสียงของ A20 จะเน้นในช่วงเสียงเบสและเสียงกลางเป็นหลัก คล้าย ๆ กับ A10 เมื่อปีที่แล้ว ใครที่กำลังมองหาเครื่องเล่นเพลงขนาดเล็กที่ให้น้ำเสียงคุณภาพหน่อย A20 ก็จัดเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก โดยเฉพาะรุ่นขนาด 32 GB ที่มีหูฟัง MDR-NC750 มาให้ด้วย ซื้อทีเดียวได้ พร้อมฟังได้เลย ไม่ต้องไปเลือกหูฟังเพิ่มเติมให้เสีย

Walkman ZX100

Walkman ZX100 เป็น Walkman ที่ถูกวางตัวมาแทน Walkman ZX1 ที่เคยเป็นเครื่องเล่นรุ่นเรือธงประจำปี 2013 และวางตัวให้ชนกับเครื่องเล่นในช่วงราคาไล่ ๆ กัน อย่าง Astell & Kern AK Jr ซึ่งทาง Sony ได้เปลี่ยนแปลง OS จาก Android มาเป็น OS ที่ใช้งานใน Walkman A20 ของ Sony เอง แต่ตัดทอนความสามารถการเล่นไฟล์สื่อประเภทอื่นออก เหลือแต่การเล่นเพลงเท่านั้น

การเปลี่ยนมาใช้ OS ของตัวเองนั้น ทำให้ Sony สามารถเพิ่มอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่เป็นจุดอ่อนใน ZX1 ให้นานขึ้นกว่าเดิมถึง 70 ชม.เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังเพิ่มช่องอ่านการ์ด microSD และระบบ Digital NC ภายในมาให้อีกด้วย (แต่ไม่แถมหูฟัง MDR-NC750 ให้)

ส่วนเรื่องของเสียงนั้น ยังคงแนวเสียงของ ZX1 เหมือนเดิม แต่ถูกปรับให้ดีขึ้น ทั้งเสียงเบสสามารถลงได้ลึกขึ้น เสียงกลางใส ๆ และเสียงแหลมที่คมและเด่นมากขึ้นกว่าเดิม

เบื้องต้นสำหรับคนที่มี Walkman ZX1 อยู่แล้ว ถ้าคุณมีการใช้งานบริการฟังเพลงสตรีมมิ่งต่าง ๆ อยู่ Walkman ZX100 อาจจะไม่คุ้มค่าแก่การอัพเกรดเท่าไรครับ

CAS-1

สินค้าที่ผมไม่คาดคิดว่า Sony จะนำเข้ามาทำตลาดในไทย ก็คือ CAS-1 ชุดเครื่องเสียงพร้อมลำโพงขนาดเล็กสำหรับคอมพิวเตอร์

ในชุดจะประกอบด้วย Main Unit ที่มีวงจรขยายลำโพงแบบ S-Master HX และวงจร DAC และวงจรขยายสำหรับหูฟังที่นำมาจากแอมป์หูฟังรุ่น PHA-2
และลำโพงที่มีดอกวูฟเฟอร์ขนาด 62 มม. และดอกทวีตเตอร์ขนาด 14 มม. จำนวน 1 คู่ และรีโมทควบคุม 1 อัน

นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เสริมมาให้ครบชุด ทั้งสายลำโพง สไปค์รองลำโพง และฐานรองลำโพงทำจากเหล็กหนา 5 มม. ซื้อมาแล้ว แค่ต่ออย่างเดียวก็ฟังเพลงได้เลย ไม่ต้องหาของแต่งเพิ่มอีก

การเชื่อมต่อนั้น รองรับทั้งการต่อสาย USB จากคอมพิวเตอร์หรือ Walkman เข้ามา และ Bluetooth นอกจากนี้ยังสามารถเล่นไฟล์เพลงบนแฟลชไดรฟ์ได้ด้วย

ส่วนเรื่องของเสียงนั้น โดยส่วนตัว ผมฟังแล้ว รู้สึกถูกใจ เพราะเสียงแต่ละย่านออกมาแบบพอดิบพอดี โปร่ง ฟังสบาย ๆ ซึ่งคนที่ใช้หูฟังหรือลำโพงไร้สาย Sony อยู่ แล้วต้องการอัพเกรดไปเล่นชุดลำโพงเล็ก ก็จัดเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอยู่ครับ

สำหรับราคานั้น ทาง Sony เคาะมาที่ 35,990 บาท ถ้าเทียบกับลำโพงยี่ห้ออื่น ๆ ในกลุ่มเดียวกัน เช่น KEF X300A Wireless ที่มีขนาดใหญ่กว่าและรองรับ DLNA และ B&W MM-1 ที่มีขนาดไล่ ๆ กัน แต่ความสามารถน้อยกว่า ก็จัดว่าสมเหตุสมผลอยู่

Car Audio

นอกเหนือจากเครื่องเสียงบ้านแล้ว Sony ยังได้เปิดตัวเครื่องเสียงรถยนต์ในกลุ่ม Hi-Res Audio ซึ่งทาง Sony ก็โฆษณาว่านี้คือเครื่องเสียงในรถยนต์ชุดแรกของโลกที่รองรับการเล่นเพลงในรูปแบบความละเอียดสูงได้

ในชุดจะประกอบไปด้วยฟร้อนท์ RSX-GX9 ที่ใช้ชิป DAC รุ่น Sabre จาก ESS (ผมดูจากสเปกแล้ว มันคือการย่อเครื่องเสียงบ้านลงไปในฟร้อนท์ขนาด 1 DIN ชัด ๆ)แอมป์ขยายรุ่น XM-GS4 และดอกลำโพง Super Tweeter รุ่น XS-GS1 ส่วนลำโพงสำหรับเสียงย่านอื่นและซับวูฟเฟอร์จะใช้ร่วมกับสินค้าที่มีอยู่แล้ว

แต่น่าเสียดาย ที่เวลาในงานหมด ผมเลยไม่มีโอกาสได้ไปลองฟัง ชุดเครื่องเสียงที่เขาติดตั้งไว้ในรถยนต์ที่จอดในงานครับ

สำหรับสินค้าที่เปิดตัวในงานนี้ หูฟัง h.ear และ Walkman เริ่มวางขายมาได้สักพักนึงแล้ว ส่วน CAS-1 และเครื่องเสียงรถยนต์จะเริ่มจัดจำหน่ายในช่วงเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมที่จะถึงนี้ครับ

Blognone Jobs Premium