เมื่อวันพุธที่ 18 พฤศจิกายน 2558 ที่ผ่านมา ผมในนาม Blognone มีโอกาสไปร่วมงานเปิดตัวแท็บเล็ต Surface Pro 4 โดยบริษัทไมโครซอฟท์ประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ณ E88 โคเวิร์กกิ้งสเปซชิคๆ ใน W District ครับ
ในรอบบล็อกเกอร์ ผมมีโอกาสได้จับตัวเครื่อง และลองใช้งานจริงคร่าวๆ (และยังอารมณ์ค้างอยู่) พร้อมรับฟังข้อมูลอัพเดตน่าสนใจในบางมิติเพิ่มเติมจากสเปก ที่เราทราบและลุ้นกันตั้งแต่ช่วงเปิดตัว งานเขียนนี้จะขอถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านั้นให้รับทราบกันครับ
จากคนที่ไม่เคยพกแท็บเล็ต: ยังมองว่าหนัก แต่อย่างน้อยก็เบากว่าโน้ตบุ๊กของพนักงานระดับล่าง
ในงาน มีเครื่อง Surface Pro 4 ให้ลองบนโต๊ะสตูล ก็ได้มีโอกาสจับถือแบบจริงจัง ไม่เกะกะสายล่ามหรือเกรงใจพนักงานเหมือนตอนจับถือหน้าร้านครับ (ภาพมืดหน่อย ขออภัยครับ)
ตัวเครื่องสีเงินใช้วัสดุเป็นแมกนีเซียม มากับคีย์บอร์ด Type Cover สีม่วง พอพับเก็บแล้วลองหยิบถือ จะหนักประมาณหนึ่งแบบที่ถ้าถือมือเดียวผมคิดว่าต้องเกร็งสักนิด มิติหนาประมาณสมุดของเสมียนครับ จากสเปกคือน้ำหนักจะต่างกันนิดหนึ่ง คือ 766 กรัม (รุ่น Core m), 786 กรัม (รุ่น Core i) แต่บางลงกว่า Surface Pro 3 แล้ว
ขอบตัวเครื่องมีเซาะร่องไว้ระบายอากาศด้านใน หากดูภาพจากคลิปวิดีโอเปิดตัว (ซึ่งในงานก็เปิดโชว์ด้วย) ข้างในมีพัดลมแบบโบลเวอร์และฮีตซิงค์กับฮีตไปป์ช่วยระบายความร้อนอยู่ และมีช่องเล็กๆ ด้านหน้าเป็นช่องลำโพงทั้งสองด้านด้วย
นอกจากขั้วต่อคีย์บอร์ดที่ดูดกับ Type Cover แทบทุกเวลาที่จ่อหากันแล้ว ยังมีพอร์ตอื่นๆ รอบตัวเครื่องที่ไม่ได้ถ่ายมาทั้ง USB 3.0, Mini DisplayPort, microSD และช่องหูฟังครับ พร้อมกล้องหน้าห้าหลังแปด (5MP และ 8MP ตามลำดับ บันทึกวิดีโอได้ละเอียด 1080p)
พอร์ตเชื่อมต่อจุดอื่นจะอยู่ด้านนี้ (ภาพจาก microsoft.com)
ด้านคีย์บอร์ดก็เปลี่ยนไป เพิ่มช่องว่างระหว่างปุ่มให้เหมือนคีย์บอร์ดแล็ปท็อปยิ่งขึ้น และใช้กลไกข้างในเป็นแบบแป้นชิคเคล็ต และเพิ่มพื้นที่ส่วนแทร็กแพดอีกร้อยละ 40
คีย์บอร์ด Type Cover สกรีนภาษาไทยมาเรียบร้อยแล้ว ในช่วงแรกจะมากับสีดำและสีน้ำเงินก่อน ในราคา 5,190 บาท
จอภาพทัชสกรีน 10 จุดมาในสัดส่วน 3:2 ขนาด 12.3 นิ้วความละเอียดไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไร คือ 2736x1824 พิกเซล วัดความหนาแน่นได้ 267PPI มากับเทคนิค Pixel Sense คมชัดแต่ลดแสงจ้า จ้องดูแล้วนวลตาดีครับ
ด้านสเปกเครื่อง มีโอกาสได้เปิด Device Manager ขึ้นมาดู เครื่องที่โชว์เป็นรุ่น i5, 8GB RAM, 256GB SSD พบว่าใช้ชิป Core i5-6300U เจเนอเรชั่นปัจจุบัน ใช้เม็ด SSD ของ Samsung รองรับ NVMe แล้ว ส่วนชิปไวไฟใช้ของ Marvell รองรับโหมด AC รับคลื่น 5GHz ได้แล้ว ซ่อนเสา MIMO 2x2 มาในตัว ส่วนชิปกราฟิกใช้พลังของ Intel HD Graphics 520 ในตัวซีพียู ด้านแบตเตอรี่เคลมว่าเล่นวิดีโอได้ต่อเนื่อง 9 ชั่วโมง
ลองใช้ปากกา: ถ้าจอฝืดกว่านี้ นี่คือกระดาษ
ผมมีโอกาสได้หยิบฉวยปากกาของ Surface Pro 4 มาลองใช้เช่นกัน แอพที่เข้าขากันสุดน่าจะเป็น OneNote ที่ไมโครซอฟท์ภูมิใจนำเสนอ
ตัวปากกา Surface Pen ที่มีมาให้ก็รองรับแรงกดได้ 1024 ระดับ รูปลักษณ์เหมือนปากกาชิคๆ ตระกูล LAMY แต่หนักกว่า ตุงกระเป๋าเสื้อพอสมควร ที่หัวมีส่วนคล้ายๆ ยางลบ ที่พลิกด้านมาถูจอ ก็จะได้คำสั่งว่าเป็นลบเส้นที่เขียนไป และมีแม่เหล็กดูดติดกับตัวเครื่องด้านข้างได้ด้วย (มีจำหน่ายแยกในราคา 2,390 บาท)
หัวปากกามีเปลี่ยนหัวได้ตามความหนืดที่อ้างอิงจากเกรดดินสอชนิดต่างๆ ผมเองได้ลองไม่หมดทุกความเข้ม เพราะถอดเปลี่ยนยาก งานก็จัดในที่มืดก็เสียวทำหาย (ฮา) อย่างไรก็ดี เวลาเขียนบนจอก็ยังไม่ได้ผัสสะของกระดาษจริงอยู่ดี ตรงที่จอมันอุ่นและไม่สากเหมือนกระดาษนั่นเอง
อิริยาบถใช้งานจริง: สาธิตโดยเจ้าของงาน
เมื่อได้ลองตัวเครื่อง Surface Pro 4 ในระยะเวลาหนึ่ง ก็ถึงเวลาของ คุณรชฏ อิศรางกูร ณ อยุธยา กับการอธิบายผลิตภัณฑ์ ซึ่งเขาก็ใช้งานอุปกรณ์นี้ได้อย่างคล่องแคล่ว พลิกเครื่องโชว์ความหนืดของข้อพับตัวเครื่อง การันตีความทนทานกันไป
มีช่วงคลายข้อสงสัยของระบบล็อกอินด้วยใบหน้าอย่าง Windows Hello ที่อ.ศุภเดช (@ripmilla) ลองเอาภาพหน้าตรงของเจ้าของเครื่องที่ถ่ายจากกล้องมือถือขึ้นลองล็อกอิน ปรากฏว่าไม่ผ่าน ซึ่งคุณรชฏ ได้อธิบายถึงกลไกนี้ว่ามีการอ่านค่า biometric ที่ซับซ้อนกว่านี้มาก รวมถึงที่เครื่องนี้มีชิป TPM ฝังรหัสเฉพาะเครื่องมาในตัว จึงเหมาะกับการใช้งานในองค์กรได้ทันที
ราคา: มา 6 รุ่น อยากได้ประกันเยอะต้องซื้อผ่านบริษัท
ตอนนี้ Microsoft Surface Pro 4 มีวางจำหน่ายแล้วใน 6 รุ่นย่อยดังนี้ครับ ซึ่งอัพเกรดแยกอะไรทีหลังไม่ได้เลย (ยกเว้น SSD แต่ก็ต้องแกะเครื่องซับซ้อนเอาการ ดังนั้นตัดสินใจดีๆ ครับ)
ในงานมีการเปิดเผยข้อมูลช่องทางการขาย Surface Pro 4 ว่าจำหน่ายที่ใด ถ้าเป็นค้าปลีกทั่วไป ก็หาซื้อได้ที่ BananaIT, IT City และ Power Buy ส่วนลูกค้ากลุ่มองค์กรก็ลองเข้าหาตัวแทนดังภาพ ซึ่งคุณรชฏให้ข้อมูลว่า บางองค์กรอยากได้ประกันตัวเครื่องมากกว่า 1 ปี ช่องทางขายกลุ่มหลังสามารถจำหน่ายในรูปแบบ ประกัน 2-3 ปีได้ด้วย (ลองให้ฝ่ายจัดซื้อขอโคเทชั่นกันดู)
(ภาพจาก Microsoft Store)
ในงานมีการระบุราคาของ Surface Dock รุ่นนี้ด้วย ที่จะเพิ่มพอร์ตให้ Surface Pro 4 กับจอคอมและอุปกรณ์บนโต๊ะ ซึ่งจะขายราคาประมาณ 7 พันกว่าบาท (ขออภัยครับผมจำราคาแน่นอนไม่ได้) ซึ่งในขณะเดียวกันก็ยังรองรับการใช้งานกับ dock ของ Surface Pro 3 ด้วย แต่ต้องมีอะแดปเตอร์รองนิดหนึ่ง เพราะรุ่นใหม่ตัวเครื่องจะบางกว่า
(ภาพจาก news.microsoft.com)
ส่วนการประชาสัมพันธ์และการตลาด รอบนี้ไมโครซอฟท์ใช้พรีเซนเตอร์อย่างคุณ Pomme Chan ศิลปินชาวไทยผลงานระดับโลก งานนางสวยดีครับ เพิ่งเคยเห็นตัวจริงก็ประทับใจอยู่ กับคุณบัณฑิต อึ้งรังษี ที่ยังดึงภาพของคอนดักเตอร์ออกมาช่วยขายศักยภาพสินค้า ทว่าเบื้องหลังบทบาทงานประจำของคุณบัณฑิตจะไปโดดเด่นเรื่องงานเขียนหนังสือพัฒนาตัวเองมากกว่า อันนี้ก็ติดตามงานเขียนอยู่เหมือนกัน
สรุป: อยากใช้นานกว่านี้อีกนิด
การจะ convert จากแล็ปท็อปมาเป็นแท็บเล็ตต่อคีย์บอร์ดแบบนี้ และราคาระดับนี้ สำหรับไลฟ์สไตล์อย่างผมซึ่งยังเป็นพนักงานระดับปฏิบัติการชั้นล่างๆ คงจะเป็นเรื่องยากกับการโน้มน้าวให้ฝ่ายไอทีเซ็นใบจัดซื้อเครื่องแบบนี้ให้ แต่ในทางกลับกันถ้าเป็นผู้บริหาร ศิลปินนักวาด (นี่ก็อยากไปหัดวาดรูป) หรือเอสเอ็มอีที่ต้องลุกนั่งไปที่ต่างๆ บ่อยๆ น่าจะตอบโจทย์อยู่เหมือนกันครับ ฝากอัพเดตความเคลื่อนไหวกันเท่านี้ ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ