หลังหมดสัญญากับ Konami ก็ดูเหมือนว่า Hideo Kojima มีอิสระเพิ่มขึ้นจากเดิมมาก ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งให้สัมภาษณ์กับ IGN ล่าสุดให้สัมภาษณ์กับ The New Yorker ที่เล่าเรื่องราวในชีวิตเขาอย่างละเอียด
- Kojima เดินทางไปทั่วญี่ปุ่นตั้งแต่เด็ก เพราะติดตามพ่อที่เป็นลูกจ้างของบริษัทยา เขาชื่นชอบการเล่าเรื่อง และตามดูภาพยนตร์-ทีวีทั้งของญี่ปุ่นและโลกตะวันตก
- เขาฝันจะเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ แต่เมื่อพ่อเสียชีวิตตอนเขาอายุ 13 ปี ชีวิตเขาก็หักเหมาเรียนเศรษฐศาสตร์แทน ด้วยเหตุผลว่าต้องการอยู่ใกล้แม่
-
ถึงแม้ความฝันการทำหนังจะไม่เป็นจริง แต่ Kojima ค้นพบว่าเกม Famicom มีระบบเซฟเกมลงตลับ ทำให้เขาสามารถ "เล่าเรื่อง" ที่ซับซ้อนได้มากขึ้น เขาจึงหันเหมาทำเกมแทน
วงการเกมญี่ปุ่น vs ตลาดโลก
-
Kojima วิจารณ์คนทำเกมฝั่งญี่ปุ่นว่าเน้นเฉพาะกลุ่มคนเล่นญี่ปุ่นเพียงอย่างเดียว เมื่อเทคโนโลยีพัฒนามากขึ้น สามารถถ่ายทอดเนื้อหาและอารมณ์ในเชิงลึกมากขึ้น เกมญี่ปุ่นจึงขายได้ยากกว่าเดิม
- Kojima โชคดีที่เสพสื่อตะวันตกมาตั้งแต่เด็ก เลยหลีกเลี่ยงจากปัญหาดังกล่าวได้ ความสำเร็จของ Metal Gear Solid ภาคแรกสอนให้เขารู้ว่าต้องสร้างเกมคุณภาพสูงที่เจาะผู้เล่นทั้งโลก ซึ่งบริษัทเกมต้องกล้าเสี่ยงไปกับนักพัฒนาด้วย
- เขาวิจารณ์บริษัทเกมญี่ปุ่น (ไม่ระบุชื่อแต่ก็คงรู้กันว่าหมายถึงใคร) ว่าถ้ามองเฉพาะกำไรเฉพาะหน้า บริษัทก็จะถูกทิ้งห่าง และถ้าถูกทิ้งแล้วก็ยากที่จะไล่กลับมาทัน
- เขาบอกว่าการทำงานในบริษัทใหญ่ โดยเฉพาะบริษัทญี่ปุ่น การทำอะไรต้องได้รับการอนุมัติจากฝ่ายบริหารก่อน พอเขาออกมาแล้วก็มีอิสระมากขึ้น และทำงานได้เร็วขึ้นมาก
- เขาบอกว่าทุกครั้งที่พัฒนาเกมไหน เขาก็มองถึงแค่เกมนั้น ราวกับว่ามันเป็นเกมสุดท้าย ไม่ได้มองถึงเกมถัดไปหลังจากนั้นเลย
- ปัจจุบัน Kojima Productions มีพนักงาน 4 คน และยังไม่มีออฟฟิศเลยด้วยซ้ำ
ที่มา - The New Yorker, ภาพโดย Georges Seguin / Wikipedia
