รีวิว Garmin Edge 520 - ถึงเวลา "ปั่นเพื่อตัวเอง"

by twometre
26 December 2015 - 11:54

♫ ♪ ปั่นปั่นจักรย้านไป ปั่นปั่นจักรย้านกัน... เมื่อต้นเดือนธันวาคมหลายท่านคงได้มีโอกาสไปร่วมกิจกรรมปั่นจักรยานระดับชาติกันมา บ้างก็ถือโอกาสนี้หาพาหนะสองล้อนี้มาลองปั่น หากใครที่เพิ่งเข้าวงการแล้วคิดอยากจะเอาจริงเรื่องสุขภาพ นอกจากจะอัพล้อ อัพชุดขับ อัพเฟรม และอัพแรงแล้ว อุปกรณ์อย่าง bike computer หรือคอมพิวเตอร์ติดจักรยานก็เป็นอีกสิ่งที่น่าลงทุน เพราะเป็นอุปกรณ์ที่เอนกประสงค์และใช้ประเมินความก้าวหน้าด้านสุขภาพของผู้ใช้ได้ดี

วันนี้ผมในนาม Blognone มีโอกาสได้ลองใช้ Garmin Edge 520 จะขอมารีวิวให้ฟังในส่วนที่ได้ลองใช้ในระยะเวลาหนึ่ง ถ้าใช้ครบเกรงว่าจะกลายเป็นคู่มือไป และขอเทียบประสบการณ์กับ Edge 510 ที่ผมเองใช้อยู่ประจำด้วยครับ

Garmin Edge 520 เป็นคอมพิวเตอร์ติดจักรยานที่เอาไว้วัดความเร็ว เวลา ระยะทาง การเผาผลาญ การเต้นของหัวใจ นำทางด้วย GPS/GLONASS และเก็บข้อมูลเหล่านี้ไปประมวลผลในโปรไฟล์ของผู้ใช้บน Garmin Connect และแชร์ต่อไปยัง Strava, Endomondo และที่อื่นๆ ได้อีก ทำงานกับเซนเซอร์จุดต่างๆ ที่ตัวรถด้วยโปรโตคอล ANT+ และต่อกับสมาร์ทโฟนด้วยบลูทูธ คร่าวๆ ตามนี้ก่อนครับ

รูปลักษณ์ภายนอก - ตัวเล็กลง จอใหญ่ขึ้น ลาก่อนทัชสกรีน

Edge 520 วางตัวเป็นคอมพิวเตอร์ติดจักรยานเบอร์กลางค่อนล่างนะครับ มาแทน Edge 510 ในไลน์ของ Garmin ที่จำหน่ายตอนนี้จะเป็น Edge 20/25, 520, 810 และ 1000 ตามลำดับ

Garmin Edge 520 กล่องนี้มากับอุปกรณ์ครบพร้อมใช้ เวอร์ชั่นที่จำหน่ายในไทยจะมากับตัวเครื่อง สายรัด ตัวยึดกับแฮนด์ แป้นยึดกับสเต็มหรือท่อนอนของเฟรม เซนเซอร์ชนิดต่างๆ เดี๋ยวจะทยอยกล่าวต่อไปครับ และมากับสายรัดหน้าอกพร้อมเซนเซอร์วัดการเต้นของหัวใจมาในชุดเลย ไม่ต้องหาซื้อแยก

มิติของ Edge 520 เมื่อเทียบกับ 510 และสมาร์ทโฟนขนาด 5 นิ้ว จะมีขนาดกะทัดรัดลงเยอะทีเดียว อารมณ์คล้ายๆ นาฬิกาจับเวลาของครูพละ จอมีขนาด 1.4x1.9 นิ้ว ที่ความละเอียด 200x265px จอสี หนัก 60 กรัม

ขอเทียบอีกมุมกับ Edge 510 ด้านหลังมากับจุกยางปิดพอร์ต USB (กันน้ำระดับ IPX7) และจุดยึดกับ barfly เหมือนกัน ใช้งานร่วมกันได้

Edge 520 ใช้พอร์ต Micro-USB แล้ว ไว้ทั้งชาร์จไฟและส่งข้อมูลกับคอมพิวเตอร์ ข้อดีคือแชร์สายชาร์จไฟกับสมาร์ทโฟนได้ เวลาเดินทางไกลจะได้พกสายแค่เส้นเดียว แบตเตอรี่ตามสเปกเคลมว่าใช้ได้ 15 ชั่วโมงครับ

สาระสำคัญด้านกายภาพของ Garmin Edge 520 ที่เปลี่ยนไปคือ เลิกใช้ระบบทัชสกรีนแบบ Edge 510, 810 และ 1000 แล้ว เป็นปุ่มสั่งการรอบตัวเครื่องแทน (เหมือนนาฬิกา G-SHOCK) นิ้วมือจะเปียก ลื่น แข็ง (เพราะอากาศเย็น) ก็สามารถใช้งานได้ตามปกติ

การติดตั้ง - เซนเซอร์แบบรัดดุมและขาจาน ไม่เกาะ chainstay แล้ว

Garmin Edge 520 มากับ barfly แบบใหม่ ที่ยึดกับแฮนด์เส้นผ่าศูนย์กลางดูเหมือนจะ(ไม่ยืนยัน)กว้างขึ้น น่าจะเอาไว้รองรับพวกแฮนด์เสือหมอบแบบแอโร่ด้วย และเป็นแขนยื่นล็อกตัวเครื่องทางด้านขวา ซึ่งของเดิมจะอยู่อีกด้าน กลไกตัวล็อกยังเหมือนเดิมหมด คือสวม หมุน ก็ล็อกแน่นหนาแล้ว หรือถ้าแฮนด์ไม่มีพื้นที่แล้ว อาจยึด Edge 520 ไว้กับสเต็มหรือท่อนอนของเฟรม ด้วยแป้นและยางรัดที่เหนียวและแข็งมากก็ได้เช่นกันครับ

การทำงานของ Edge 520 จะสมบูรณ์แบบไม่ได้ถ้าไม่ติดตั้งเซนเซอร์วัดความเร็วเพิ่มเติม ซึ่งมารอบนี้ตัวเซนเซอร์มาในแบบยางรัดดุมล้อและรัดขาจานเพื่อวัดรอบขา (cadence) ครับ จากเดิมตัวเซนเซอร์นี้เป็นเครื่องเกาะที่หางหลังของเฟรม แล้วอ่านค่าจากตุ่มแม่เหล็กที่ซี่ล้อและขาจาน (ของผมที่ขาจานหลุดหายไปแล้ว 555+) เซนเซอร์ทั้งหมดนี้จะคุยกับตัวเครื่อง Edge 520 ผ่านโปรโตคอล ANT+ ที่ระบุไปตอนต้น อาจต้องมีสแกนจับคู่ก่อนออกปั่นพักหนึ่ง และครั้งต่อไปก็จำกันได้แล้วไม่ต้องสืบค้นใหม่ทุกครั้ง นอกจากย้ายเครื่องใหม่มาใช้กับรถคันเดิม อ้อ หรือถ้าใครใช้พวก Power Meter ที่จานหน้าหรือขาจาน ก็ส่งข้อมูลมาให้ Edge 520 วัดกำลังวัตต์ของขาขณะปั่นได้ด้วยครับ

เซนเซอร์วัดรอบขาซ่อนอยู่ตรงนี้

จากการทดลองใช้เซนเซอร์แบบรัดดุมนี้ผมว่าตัวเครื่อง detect ง่ายและไวขึ้น ตัววัดรอบขาไม่มีงอแง ไม่พบปัญหาสัญญาณหายระหว่างปั่นเหมือนเซนเซอร์แบบเดิมที่ผมใช้ประจำ (ท่านอื่นอาจไม่เจอปัญหานี้นะครับ) แต่ถ้าใครชอบโชว์สเปกดุมล้อ (เช่น Chris King, Enve, DT Swiss, Phil) เจอเซนเซอร์แบบนี้เข้าไปอาจใจคอไม่ค่อยดี

เซนเซอร์วัดแบบเดิมกับตุ่มแม่เหล็กที่ชอบขัดกันตอนปั่นดังแป๊กๆ

และจากการได้ถามมิตรสหายนักปั่น เขาบอกว่าเซนเซอร์แบบใหม่สู้แบบเดิมไม่ได้ อันนี้ผมไม่มีโอกาสได้ใช้ยาวๆ แต่ผมยังเชื่อว่าแบบใหม่ตอบสนองได้ดีกว่า (จนเผลอใจกดสั่งชุดเซนเซอร์นี้จาก AliExpress มาแล้วหลังคืนชุดทดสอบไป)

Garmin Edge 520 กับการใช้งานบนถนนจริงกับ barfly รุ่นเก่า ก็ใช้งานได้ไม่มีปัญหาอะไร อาจไม่คุ้นเพราะมันดูเล็กลงไปสักนิด

การใช้งาน - ได้ลองสองทริปกับฟังก์ชั่นเดิมๆ เพิ่มเติมคือความสะดวก

เมื่อเปิดเครื่องครั้งแรก ก็จะพาเข้า wizard บอกอายุ ส่วนสูง น้ำหนัก ชีพจรโซนต่างๆ และให้ประมาณตนด้วยว่าเป็นคนปั่นจักรยานเก่งประมาณไหน

Garmin Edge 520 รองรับภาษาไทยแล้ว ในฐานะที่ทำงานสาย copywriting มาบ้าง ก็ต้องบอกว่ามีความกระท่อนกระแท่นนิดหน่อย แต่เชื่อว่าทำดีที่สุดแล้ว เพราะบางคำหาคำไทยอธิบายยากครับ

หน้าจอขณะที่ Edge 520 กำลังทำงาน ก็สามารถปรับตั้งได้ว่าจะให้แสดงค่าอะไรบ้าง

สิ่งหนึ่งที่คิดว่ามีประโยชน์มากคือ Edge 520 สามารถตั้งเตือนอัตราการเต้นของหัวใจและรอบขาที่สูงหรือต่ำเกินไปได้ เช่นช่วงที่ยิงหนีสุนัขหรือยืนโยกให้ทันไฟเขียว ตัวเครื่องก็ร้องระงมเลย เพราะทั้งรอบขาและหัวใจเกินที่ตั้งไว้แล้ว ฟังก์ชั่นนี้ผมหาไม่เจอใน Edge 510 ที่ใช้อยู่ แก้ไข: เจอแล้วครับ อยู่ใน Profile > Activity > Alert

จริงๆ Garmin Edge 520 มากับอีกหลายลูกเล่นที่ผมยังไม่ได้ลอง อาทิ smart notification โชว์เบอร์สายเรียกเข้าจากสมาร์ทโฟนที่ต่อบลูทูธอยู่ด้วยกันขณะปั่น, ฟังก์ชั่น live segments ที่วัดผลงานกับผู้ร่วมเส้นทางนี้ในอดีตที่บันทึกไว้ใน Strava, การใช้ Edge 520 ควบคุมกล้องแอ๊กชั่นแคม VIRB และกระทั่งการปั่นอยู่กับที่ด้วยการต่อเทรนเนอร์ก็ยังวัดค่าสุขภาพได้ และถ้าอยากให้สิ่งนี้นำทาง บอกเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาก็สามารถโหลดแมพเข้าไปได้ครับ ฯลฯ

ด้านการตั้งค่าเริ่มใช้กับคอมพิวเตอร์ ไม่มีอะไรยุ่งยากนัก ติดตั้งโปรแกรม Garmin Express แล้วเพิ่ม Edge 520 เข้าไปอีกหนึ่งอุปกรณ์ ผูกกับบัญชี Garmin Connect ของตนเอง เพื่อดึงค่าน้ำหนักส่วนสูงเดิมมาปรับใช้ได้ทันทีครับ หรือถ้าจะอัพเดตเฟิร์มแวร์อะไร โปรแกรมตัวนี้จะคอยสืบค้นและอัพเดตให้เองอัตโนมัติ

ผลงานการปั่นแบบขาอ่อน (เอาแต่แวะกิน) อันนี้ปั่นแถวบ้าน ให้ Garmin Edge 520 เก็บค่าขึ้น Garmin Connect และสั่งแชร์ไป Strava อัตโนมัติครับ

สรุป

ในราคา 15,800 บาทของ Garmin Edge 520 ทั้งชุดนี้ ผมมองว่าเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์น่าอัพเกรดจักรยานเพื่อให้รู้คุณภาพและประสิทธิภาพการปั่นของตัวเองก่อนที่จะใช้งบเท่ากันนี้ไปลงทุนกับอุปกรณ์อย่างอื่น อาจดูราคาสูงสักนิด แต่ผมมองว่าอุปกรณ์ประเภทนี้ตกรุ่นช้าและใช้งานกันได้ยาวๆ ครับ แม้จะเปลี่ยนรถใหม่หลายรอบ หรือมีรถหลายคันในเวลาเดียวก็สลับเปลี่ยนไปใช้ได้ แค่ตั้งโปรไฟล์ตัวรถให้แยกกันไว้

ทว่า ถ้าคุณเป็นเจ้าของ Edge รุ่นก่อนหน้าอยู่ ไม่ว่าจะเป็น 500, 510 หรือ 810 ผมยังไม่เห็นความคุ้มค่าของฟังก์ชั่นใหม่บนรุ่นนี้ ถ้าคิดว่าสิ่งที่เพิ่มมายังไม่ค่อยมีโอกาสได้ใช้ ใช้ของเดิมต่อไปก่อนได้เลยครับ

จริงอยู่ที่ระบบการควบคุมด้วยปุ่มล้วนของ Edge 520 จะเข้าใจง่ายและไม่เผอเรอกดหยุดหรือลบทริปง่ายแบบทัชสกรีนก็ตามที ส่วนความลื่นไหลและความเร็วของการเข้าออกเมนู เปลี่ยนหน้าจอ ผมว่าเร็วกว่า 510 อยู่ไม่มาก (แต่ไม่ลื่นเท่า Edge 1000 ที่เคยใช้เช่นกัน) ส่วนกรณีของคนที่กำลังลังเลว่าจะจัด Edge 520 หรือเลือก Edge 810 ที่อยู่ค้างฟ้าในราคาชิดๆ กัน อันนี้แนะลำบาก ลองอภิปรายกันดูครับ

Blognone Jobs Premium