ปัญหาผู้ใช้ซื้อเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทแล้วนำไปดัดแปลงติดกล่องเก็บน้ำหมึกภายนอก หรือที่เราเรียกกันว่า “หมึกแท็งก์” มีมายาวนาน ผู้ผลิตอ้างว่าอาจเสี่ยงกับน้ำหมึกที่ไม่ได้คุณภาพและอาจทำให้หัวพิมพ์ (printhead) เสียหายได้ โดยข้อดีของการติดแท็งก์คือสามารถจุน้ำหมึกได้ปริมาณมากกว่าตลับหมึก (cartridge) แบบดั้งเดิม และมองเห็นปริมาณน้ำหมึกที่เหลืออยู่ได้ด้วยตาเปล่า ภายหลังผู้ผลิตหลายยี่ห้อทนไม่ไหวเพราะไม่สามารถโน้มน้าวให้ผู้ใช้กลับมาใช้หมึกแบบตลับได้ จึงตัดสินใจออกเครื่องพิมพ์ของตนแบบเป็นแท็งก์มาขายซะเลย
Canon PIXMA G3000 เป็นเครื่องพิมพ์ในซีรีส์ G ที่เป็นไลน์ใหม่ของแคนอน ขณะนี้มีออกมาด้วยกันสามรุ่น คือ G1000, G2000 และ G3000 เรียงจากรุ่นล่างไปรุ่นท็อป เป็นเครื่องพิมพ์ระบบแท็งก์ทุกตัว โดยรุ่นที่ผมจะรีวิวครั้งนี้คือ G3000 เป็นรุ่นท็อปที่มีฟีเจอร์ครบครันสำหรับการใช้งานตามบ้าน และผู้ใช้ทั่วไป
จะเห็นว่าความแตกต่างของทั้งสามรุ่นชัดเจนเข้าใจง่าย คือรุ่น G1000 เป็นเครื่องพิมพ์ซิงเกิลฟังก์ชัน พิมพ์ได้อย่างเดียว, รุ่น G2000 เพิ่มสแกนเนอร์เข้ามา และรุ่น G3000 เพิ่มฟีเจอร์เชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi และฟีเจอร์เกี่ยวกับคลาวด์เข้ามา นอกจากนี้ยังรับประกันนานกว่ารุ่นอื่น
Canon PIXMA G3000 มาในบอดี้สีดำ ขนาดใกล้เคียงเครื่องพิมพ์ตามบ้านทั่วไป สิ่งแรกที่สะดุดตาคือแท็งก์เก็บหมึกบริเวณด้านซ้ายและขวาของเครื่อง โดยแท็งก์สีดำอยู่ทางซ้ายมีขนาดใหญ่ ส่วนสีฟ้า, บานเย็น และเหลือง มีขนาดเล็กกว่า อยู่ด้านขวามือ
เมื่อเป็นเครื่องพิมพ์แบบแท็งก์ การติดตั้งจึงต่างกับเครื่องพิมพ์แบบตลับ ผู้ใช้ต้องบีบหมึกเข้าไปในแท็งก์แต่ละสีเอง โดยการเปิดจุกยางของแต่ละแท็งก์ออก จากนั้นเปิดขวดหมึกที่แถมมา (หน้าตาเหมือนยาหยอดตาขนาดยักษ์) ค่อยๆ จิ้มเข้าไปในรูเติมหมึก แล้วคว่ำลงตามรูป สุดท้ายก็บีบหมึกเข้าไปจนหมด และนำจุกยางมาปิดให้สนิท
ส่วนการติดตั้งหัวพิมพ์ต้องบีบตัวล็อกให้เปิดออก แล้วนำหัวพิมพ์ทั้งสองอันที่ได้มา (แบ่งเป็นหัวสำหรับสีดำอันนึง และอีกสามสีอีกอัน) ใส่เข้าไปในช่องตามที่มีอักษร B (Black) และ C (Color) กำกับอยู่ จากนั้นปิดล็อกและกดปุ่มสีน้ำเงินทั้งสองปุ่มลงไปเป็นอันเสร็จ
การใช้งานครั้งแรกหลังจากเสียบปลั๊กแล้วกดเปิดเครื่อง ให้กดปุ่ม Stop ค้างไว้ เครื่องจะทำการ “ชาร์จหมึก” ใช้เวลาสักพักก็เสร็จ จากนั้นก็ติดตั้งไดรเวอร์ที่คอมพิวเตอร์ตามปกติ โดยเครื่องพิมพ์รุ่นนี้ไม่มีหน้าจอใดๆ การเชื่อมต่อ Wi-Fi จึงต้องทำผ่านสมาร์ทโฟน ผู้ใช้ต้องโหลดแอพมาติดตั้งและกรอกรหัส Wi-Fi ในแอพ แอพจะเชื่อมต่อเข้าไปที่เครื่องพิมพ์แบบ ad-hoc (ต่อตรงไม่ผ่านเราเตอร์) และเชื่อมต่อเครื่องพิมพ์เข้าเครือข่ายให้ จึงพร้อมใช้งาน
มาถึงส่วนที่สำคัญที่สุด คือคุณภาพการพิมพ์ ผมลองพิมพ์เอกสารทั่วไป รวมถึงรูปถ่ายลงกระดาษ A4 และใช้กล้องติดเลนส์มาโครถ่ายเจาะให้ดูกันเลยครับ
Disclaimer: ผมใช้กระดาษ A4 ที่แคนอนให้มา ไม่ทราบว่าเป็นกระดาษยี่ห้ออะไร ความหนากี่แกรม แต่จับดูแล้วคุณภาพโอเค ไม่บางมาก ส่วนตอนทดสอบพิมพ์รูปถ่าย เนื่องจากแคนอนไม่ได้ให้กระดาษโฟโต้มาด้วย และหากพิมพ์ลง A4 ธรรมดาจะให้คุณภาพที่แย่ และกระดาษจะเปื่อยเป็นคลื่นๆ เพราะใช้หมึกมากกว่าปกติ ผมจึงใช้กระดาษอิงค์เจ็ทส่วนตัวที่มีอยู่มาทดสอบ เป็นกระดาษด้านที่มีการโค้ทกันน้ำไว้ ทำให้ไม่เปื่อยยุ่ยเวลาพิมพ์รูปถ่าย แต่ก็ยังไม่ใช่กระดาษที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการพิมพ์รูปถ่ายอยู่ดีนะครับ
ทดลองพิมพ์เอกสารที่สร้างจาก Google Docs (ดูต้นฉบับได้ที่นี่)
ผมวางรูปเป็นคู่ๆ เพื่อให้ง่ายต่อการเปรียบเทียบ โดยรูปบนเป็น standard quality และรูปล่างเป็น high quality จากนั้นตามด้วยรูปแบบครอป 100% นะครับ
ผมได้ทดสอบการสแกนโดยสแกนหน้าปกแคตตาล็อก IKEA และโบรชัวร์ของไทยวัสดุทั้ง 300 และ 600dpi ทำงานได้ตามที่ควรจะเป็น สีเที่ยงตรงดี (ดาวน์โหลดไฟล์จากการสแกนได้ที่นี่)
แอพพลิเคชันและฟีเจอร์ที่ต้องใช้อินเทอร์เน็ตต่างๆ มีตามรูปนี้
ข้อดี
ข้อเสีย
หมายเหตุ: เนื่องจากผมถ่ายรูปงานพิมพ์ด้วยเลนส์มาโคร ทำให้ดูเหมือนตัวหนังสือไม่คม แต่การดูด้วยตาเปล่าถือว่าคมใช้ได้สำหรับเครื่องพิมพ์คลาสนี้นะครับ