สัมภาษณ์คุณชัยวัฒน์ รัตนประทีปพร Ascend Group ประสบการณ์การใช้คลาวด์กับบริการขนาดใหญ่

by lew
19 January 2016 - 16:03

กระแสการใช้งานเซิร์ฟเวอร์ผ่านบริการคลาวด์เป็นเรื่องที่เราได้ยินกันเสมอ จากความสะดวกในการสร้างเครื่องเซิร์ฟเวอร์ขึ้นมาใช้งานได้รวดเร็วโดยไม่มีค่าใช้จ่ายแรกเริ่ม การขยายตัวที่ทำได้ภายในไม่กี่นาที และราคาที่ปรับลงอย่างต่อเนื่องแทบทุกแบรนด์

ผมออกสำรวจมาสักพักว่าในไทยนั้นมีใครบ้างที่เป็นผู้ให้บริการรายใหญ่ๆ และหันไปใช้บริการคลาวด์เป็นหลัก เพราะบริษัทใหญ่ๆ น่าจะยังวางเซิร์ฟเวอร์เองกันเป็นส่วนมาก หลังจากถามมาได้สักพักก็พบว่า Ascend Group ที่แยกออกมาจากทรูเป็นบริษัทหนึ่งที่เน้นการใช้บริการคลาวด์อย่างหนัก หลังจากพยายามติดต่อก็มีโอกาสได้สัมภาษณ์คุณชัยวัฒน์ รัตนประทีปพร CTO ของ Ascend Group

ขอให้ช่วยแนะนำ Ascend Group สักหน่อยว่ามีที่มาอย่างไรและมีธุรกิจอะไรบ้าง

Ascend Group เป็นบริษัทที่แยกออกมาจากลุ่มทรูเมื่อปี 2014 เรามีธุรกิจ หกกลุ่ม ได้แก่ บริการทางการเงิน TrueMoney, บริการอีคอมเมิร์ช iTrueMart และ WeLoveShopping, บริการแคมเปญออนไลน์ Egg Digital, TrueIDC บริการศูนย์ข้อมูลและบริการคลาวด์ที่ตอนนี้เป็นพาร์ตเนอร์กับ AWS, บริการลอจิสติกส์ aden, และในอนาคตกำลังจะมี Ascend Nano บริการนาโนไฟแนนซ์เพิ่มเข้ามา

โดยรวมแล้วเป้าหมายของกลุ่มคือการวางโครงสร้างพื้นฐานให้กับ Digital Economy ตั้งแต่ระดับแอปพลิเคชั่น การจ่ายเงิน ไปจนถึงบริการคลาวด์ สิ่งที่เราทำส่วนมากเป็นซอฟต์แวร์และโครงสร้างที่เกี่ยวข้อง

ตอนนี้รวมในกลุ่มแล้วมีพนักงานอยู่ประมาณ 1,200 คน รวมประเทศอื่นๆ ใน AEC เช่น iTrueMart มีในฟิลิปปินส์ ส่วน TrueMoney มีในเมียนมาร์, กัมพูชา, เวียดนาม, อินโดนีเซีย เป็นวิศวกรประมาณ 400 คน

ทำไมถึงมาใช้คลาวด์อย่าง AWS

ตอนที่เราเริ่มมาเป็น Ascend ตอนนั้น iTrueMart และ WeLoveShopping เปิดบริการไปก่อนแล้ว และพบว่ามีความท้าทายสำคัญคือความเติบโตของทราฟฟิคที่เราเติบโตอย่างรวดเร็ว ปี 2014 เราเติบโต 10 เท่าตัว ปี 2015 เราเติบโต 8 เท่า ทำให้เราเห็นว่าโครงสร้างของเราไม่เพียงพอ แต่ถ้าเราลงทุนเพิ่มเติมเองก็ต้องลงทุนเผื่อจำนวนมาก ทำให้เรามองว่าคลาวด์เป็นตัวเลือกที่ดี

อีกอย่างคือเรามองว่า Ascend มองตัวเองเป็นเหมือนบริษัทซอฟต์แวร์ ฟีเจอร์ใหม่ๆ จำเป็นต้องมีเครื่องมือและเทคโนโลยีมารองรับเพื่อให้เราสามารถปล่อยฟีเจอร์ออกไปได้เร็ว อย่างเช่นวันนี้เราตัดสินใจเริ่มโปรเจคใหม่ สิ่งแรกที่เราต้องทำคือหาเครื่อง ถ้าไม่โชคดีว่ามีเครื่องว่างการหาเครื่องใหม่อาจจะใช้เวลาสักสองสามเดือน ในวันนี้เราสามารถสร้างโปรเจคใหม่ได้ภายในวันเดียวเท่านั้น

อย่างที่สามคือเมื่อบริการต้องเข้ามาตรฐาน เราต้องเตรียมการรับความเสี่ยงเช่นต้องมีศูนย์ข้อมูลสำรองในกรณีภัยพิบัติ การลงทุนแบบนี้ปกติมีค่าใช้จ่ายสูงและอาจจะไม่ได้ใช้ แต่ไม่มีไม่ได้ การไปใช้คลาวด์ที่เราแทบจะได้ไซต์ที่สองมาฟรี

ตอนนี้เซิร์ฟเวอร์ของ Ascend ไปอยู่กับ AWS มากน้อยแค่ไหนแล้ว

ระดับการใช้งานจะต่างกันไปตามธุรกิจ อย่างเช่น iTrueMart จะอยู่บน AWS ทั้งหมด WeLoveShopping ยังอยู่ในประเทศอยู่และเตรียมย้ายไป AWS ภายในกลางปีนี้ ส่วน TrueMoney ตอนนี้ไปอยู่บน AWS ประมาณ 20%

iTrueMart ต่างกับส่วนอื่นๆ อย่างไร จึงไปใช้ AWS ทั้งหมดก่อน

เงื่อนไขสำคัญ iTrueMart มีโครงสร้างเดิมขนาดเล็กที่สุดจึงย้ายไปได้ก่อน ขณะที่บริการดั้งเดิมอย่าง TrueMoney ที่ให้บริการมายาวนานถึงสิบปีแล้วก็มีการเตรียมฮาร์ดแวร์ไว้ล่วงหน้าพร้อมแล้ว WeLoveShopping เพิ่งอัพเกรดเซิร์ฟเวอร์เตรียมความพร้อมไว้ประมาณสองปีก่อนหลังจากนี้เมื่อถึงรอบอัพเกรดก็คงย้ายไป AWS มากขึ้น

นโยบายภายในของเราตอนนี้เป็น Cloud First โปรเจคใหม่ทั้งหมดต้องไปยังคลาวด์ก่อนเสมอยกเว้นบางโปรเจคที่มีเงื่อนไขเฉพาะ

ตอนนี้ใช้บริการของ AWS บ้าง

ตอนแรก iTrueMart ที่ไปใช้คลาวด์จะเป็นแบบย้ายงาน (migration) คือ สร้างเครื่องบนคลาวด์เทียบเคียงกับเครื่องเดิมที่เคยวางอยู่ในศูนย์ข้อมูล และเปลี่ยนให้น้อยที่สุด ที่จำเป็นต้องเปลี่ยน เช่น load balancer, ไฟร์วอลล์

หลังจากนั้นจึงเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพ (improvement) เช่น เริ่มปรับไปใช้ S3 เก็บไฟล์ หรือใช้ CDN เพื่อเพิ่มความเร็วในการโหลดเว็บ และ AWS Direct Connect เชื่อมต่อเน็ตเวิร์คภายในเข้าไปยัง AWS โดยตรง

ตอนนี้เรามาถึงช่วงเฟสสามคือการใช้คลาวด์เต็มรูปแบบ ทำในสิ่งที่เราทำเองไม่ได้ โปรเจคใหม่ๆ เราใช้ DynamoDB หรือการใช้ Big Data บนคลาวด์ ก่อนหน้านี้ผมเองก็เคยพยายามคอนฟิกระบบพวกนี้ขึ้นมาใช้งานเอง ปรากฎว่า 70% ของเวลาเสียไปกับการทำความเข้าใจและคอนฟิกคลัสเตอร์ ตอนนี้เรามาถึงช่วงที่เราใช้เทคโนโลยีของคลาวด์

ผมเคยคุยกับ Omise เล่าถึงการใช้ AWS PCI ทาง TrueMoney ใช้ด้วยไหม

ตอนนี้เราเองยังไม่ได้ทำ PCI แต่ในอนาคตเราจะไปทางเดียวกับ Omise เพราะตอนนี้ถ้าเราจะทำ PCI ด้วยตัวเองต้องเรียกว่ายากมาก เพราะเงื่อนไขของ PCI ต่างๆ เช่นการแยกเน็ตเวิร์คหรือประเด็นการเข้าถึงศูนย์ข้อมูล ด้วยโครงสร้างเดิมเราต้องรื้อกันนาน ถ้าเราใช้ AWS PCI ก็แทบจะได้สิ่งเหล่านี้มาฟรี

กระบวนการเรียนรู้ในการปรับมาใช้คลาวด์ลำบากไหม

โดยทั่วไปคงไม่ได้เปลี่ยนมาก แต่มีบ้าง 20-30% ที่ต้องเรียนรู้ใหม่ เช่นกลุ่มไฟร์วอลล์หรือ load balancer ปัญหาใหญ่กว่าคือเรื่องของ mindset ว่าการเปลี่ยนแนวทางแบบนี้จะทำให้ทำงานได้ง่ายขึ้น และความรู้สึกเช่นว่าระบบอัตโนมัติหมดแล้วงานจะมั่นคงไหม เราก็ต้องทำความเข้าใจกับน้องๆ ว่าเป็นการปรับตัวไปเรียนรู้สกิลใหม่ๆ และทำให้ทุกคนปรับตัวได้ก็ทำให้คุณค่าของแต่ละคนสูงขึ้นไปด้วย

การที่คลาวด์คิดค่าใช้จ่ายตามการใช้งาน สร้างปัญหาค่าใช้จ่ายคาดเดาไม่ได้บ้างไหม

มีบ้างเพราะมันเป็นการปรับการทำงาน ที่เราพบคือระบบจริง (production) ส่วนมากคาดเดาได้เพราะค่าใช้จ่ายจะมากับทราฟฟิค เมื่อผู้ใช้เพิ่มมากขึ้นแล้วค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นก็เป็นเรื่องปกติ แต่ที่เราเจอบ่อยคือระบบพัฒนา มีคนเปิดเครื่องขึ้นมาแล้วลืมไปบ้าง ไม่ได้ตรวจสอบบ้าง

เราต้องสร้าง policy บน AWS ที่กำหนดสิทธิ์ให้ผู้ใช้แต่ละคนว่ามีใครสามารถสร้างเครื่องเองได้ บางกลุ่มอาจจะดูเครื่องได้อย่าง

เซิร์ฟเวอร์อยู่สิงคโปร์หมด มีปัญหาเรื่องลิงก์บ้างไหม

ที่ผ่านมายังไม่เคยเจอปัญหาเรื่องลิงก์ ลิงก์ระหว่างไทยและสิงคโปร์เองก็มีหลายทาง ในแง่ประสิทธิภาพเราทดสอบดูแล้วก็พบว่าความช้ากว่าเซิร์ฟเวอร์ในไทยไม่มากนัก ผู้ใช้ทั่วไปไม่น่าจะรู้สึก

ในแง่ความปลอดภัย ทางทีมงาน AWS มีทีมงานมอนิเตอร์มาเรื่อยๆ ทั้งสองฝั่ง ว่าเครื่องใน AWS ไม่ไปโจมตีคนอื่น และคนอื่นไม่ได้กำลังโจมตีเครื่องใน AWS บางครั้งเครื่องของเรามีทราฟฟิควิ่งมากเกินไปเขาก็เตือนมาให้ตรวจสอบ

ถึงวันนี้มองว่าคิดถูกไหมที่หันมาใช้ AWS

คิดถูกครับ อย่างในแง่กลยุทธ์เมื่อสองเดือนก่อนเราตัดสินใจจะไปฟิลิปปินส์ เราสามารถสร้างสภาพแวดล้อมใหม่แล้วพัฒนาใหม่โดยทีมงานไม่มีใครต้องเดินทางไปฟิลิปปินส์เลย และระบบก็รันขึ้นมาได้ ถ้าเรายังอยู่บนเซิร์ฟเวอร์ตัวเองการตัดสินใจทางธุรกิจอย่างนี้ก็อาจจะไม่สามารถทำได้เร็วแบบนี้

การใช้คลาวด์มีข้อจำกัดเรื่องข้อกำหนดกฎหมายต่างๆ บ้างไหม

มีครับ สำหรับ TrueMoney เองก็อยู่ภายใต้ใบอนุญาตของธนาคารแห่งประเทศไทย ตอนนี้เราก็พยายามทำงานร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทยว่ามีส่วนไหนที่เราสามารถย้ายไปได้ ตอนนี้เองที่จริงแล้วไม่ได้มีกฎห้ามชัดเจนว่าห้ามใช้คลาวด์แต่เป็นประเด็นว่าไม่มีกฎชัดเจนว่าตรงไหนไปได้หรือไม่ได้ และต้องขออนุญาตเป็นรายกรณีไป

เราเองอยากให้มีความชัดเจนเพราะ TrueMoney เองก็อยากไปใช้บริการบนคลาวด์มากขึ้นเพราะแพลตฟอร์มเราเองมีความสามารถที่จะนำบริการไปรันบน AWS ให้มากขึ้น

ถ้าในอนาคตมีกฎกติกาชัดเจนว่าบริการทางการเงินจะไปใช้งานบนคลาวด์ได้อย่างไรบ้างก็จะทำให้การพัฒนามีแนวทางชัดเจนกันมากขึ้น

มุมมองต่อภาพรวมวงการไอทีต่อคลาวด์เป็นอย่างไร

ผมมองว่าเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ในอนาคตอุตสาหกรรมโดยรวมคงต้องไปอยู่บนคลาวด์เป็นส่วนใหญ่ อาจจะไม่ใช่ AWS แต่เป็นผู้ให้บริการรายอื่นอย่างกูเกิลหรือไมโครซอฟท์ แต่เราเลือกเป็นกลุ่มแรกที่เราจะได้เปรียบว่ามีความรู้ความเข้าใจกับมันก่อน

ผมสนับสนุนให้วิศวกรรุ่นใหม่ๆ เรียนรู้การใช้งานคลาวด์ให้มากขึ้น แนวโน้มงานในอนาคตเองก็มีความต้องการความรู้ตรงนี้สูงขึ้นเรื่อยๆ

รูปสุดท้ายนี่ผมถ่ายแถมมาเพราะเด่นมาตรงทางเข้าออฟฟิศ

Blognone Jobs Premium