พ.อ. นที ศุกลรัตน์ ประธาน กสท. ได้เผยว่า หลังผ่านมาเกือบสองปี ตนยอมรับว่าธุรกิจทีวีดิจิทัลไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 24 รายไม่ได้ประสบความสำเร็จทั้งหมด โดยตนคาดว่าจะมีผู้เล่นอย่างน้อย 10 รายจากทั้งหมด 24 รายที่ดำเนินธุรกิจรอดและประสบความสำเร็จในการสร้างแรงจูงใจกับผู้ชมในการจดจำช่อง ในขณะที่อีกหลายช่องยังต้องสู้เพื่อความอยู่ในธุรกิจต่อไป ซึ่งก็ต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง
โดยกลุ่มที่ดำเนินธุรกิจรอดจะมีอยู่ทั้งหมดสองกลุ่ม คือกลุ่มที่ดำเนินธุรกิจอยู่เดิมซึ่งก็คือ ช่อง 3 (มี 3 ช่อง)/อสมท. (มี 2 ช่อง) และช่อง 7 เนื่องจากช่องเหล่านี้มีฐานผู้ชมเดิมอยู่แล้ว และกลุ่มผลิตคอนเทนต์รายใหญ่ที่เคยผลิตรายการป้อนช่องเดิมซึ่งก็คือ เวิร์คพอยท์ อาร์เอส จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ (มี 2 ช่อง) และทรูวิชันส์ (มี 2 ช่อง) ซึ่งกลุ่มนี้คาดว่าจะเริ่มทำกำไรได้ภายในปีนี้
ส่วนกลุ่มที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือกลุ่มที่ 3 ที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่ประมูลได้ช่องข่าว (เนชั่นทีวี (มี 2 ช่อง) สปริงนิวส์ วอยซ์ทีวี และไบรท์ทีวี) ซึ่งเป็นแนวเฉพาะทางและปรับตัวเพื่อแข่งขันได้ลำบาก กับกลุ่มที่ 4 คือกลุ่มทุนธุรกิจที่สายป่านยาวอันได้แก่ ไทยรัฐทีวี, นิวส์ทีวี, อัมรินทร์ทีวี และ พีพีทีวี
พ.อ.นทียังกล่าวเพิ่มว่าปัญหาของธุรกิจทีวีดิจิทัล เป็นเพราะด้วยจำนวนผู้เล่นที่ก้าวกระโดดจาก 6 ช่องเป็น 24 ช่อง ทำให้เกิดภาวะตลาดช็อกไปชั่วขณะหนึ่ง แต่เมื่อเวลาผ่านไป เวลาจะเป็นเครื่องคัดกรองผู้เล่นที่มีคุณภาพให้อยู่ในตลาดต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาผู้เล่นทั้งหมดก็ลองผิดลองถูก หาแนวทางที่เหมาะสมกับตัวเอง เพื่อสร้างจุดเด่นให้กับช่องของตัวเองต่อไป ทั้งนี้ก็ต้องรอดูต่อไปว่าในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ ช่องใดจะสามารถชำระค่าใบอนุญาตงวดที่ 3 ได้บ้าง และนั่นก็จะเป็นการคัดกรองผู้เล่นในตลาดอีกรอบหนึ่งนั่นเองครับ
ที่มา - ไทยรัฐ