จากกรณี Error 53 อันลือลั่นของแอปเปิล ที่เมื่อผู้ใช้ iPhone หรือ iPad รุ่นที่มี Touch ID นำเครื่องไปซ่อมนอกศูนย์ของแอปเปิลแล้วอัพเดตระบบปฏิบัติการเป็น iOS 9 จะทำให้ iPhone หรือ iPad เครื่องนั้นถูกล็อกและกลายเป็นที่ทับกระดาษไปในทันที ล่าสุดสำนักงานกฎหมายใน Seattle เตรียมหาทางฟ้องบริษัทผลไม้ในประเด็นนี้แล้ว
ถึงแม้แอปเปิลจะเปิดเผยว่ามาตรการดังกล่าว มีไว้เพื่อปกป้องข้อมูลลายนิ้วมือในเครื่อง แต่ PVCA สำนักงานกฎหมายใน Seattle กลับมองว่าเป็นการบังคับลูกค้าให้ไปใช้บริการหลังการขายที่มีราคาแพง และกำลังรวบรวมข้อมูลในการฟ้องแอปเปิลแบบกลุ่ม (class action lawsuit) พร้อมเรียกร้องให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบติดต่อบริษัทโดยด่วน ขณะที่ทนายในสหราชอาณาจักรแสดงความเห็นด้วยว่า Error 53 อาจมองได้ว่าเป็นการตั้งใจทำลายทรัพย์สินก็ได้
ที่มา - MacRumor
"พวกเราเชื่อว่าแอปเปิลตั้งใจจะบังคับให้ลูกค้า ต้องไปใช้ศูนย์บริการซ่อมของแอปเปิลที่มีราคาสูงกว่าที่อื่น อย่างร้านซ่อมทั่วไปจะคิดค่าเปลี่ยนหน้าจอที่ประมาณ 50-80 เหรียญสหรัฐฯ แต่แอปเปิลคิดค่าบริการถึง 129 เหรียญสหรัฐฯ หรือมากกว่านั้น ซึ่งเท่ากับว่า แอปเปิลมีแรงจูงใจในการกีดกันไม่ให้ลูกค้า ไปใช้บริการซ่อมที่อื่น"
"We believe that Apple may be intentionally forcing users to use their repair services, which cost much more than most third party repair shops. Where you could get your screen replaced by a neighborhood repair facility for $50-80, Apple charges $129 or more. There is incentive for Apple to keep end users from finding alternative methods to fix their products"- แถลงการณ์จากสำนักกฎหมาย PVCA