ช่วงที่ผ่านมาเราเห็นข่าวของกลุ่มธนาคารดังๆ ระดับโลกก่อตั้งสตาร์ทอัพกลุ่มบริษัทขึ้นมาใหม่อย่าง R3CEV เพื่อทำการวิจัยเทคโนโลยี blockchain ไว้ใช้ในภาคธุรกิจการเงินกันอย่างมาก หรือแม้แต่ทางด้านตลาดหลักทรัพย์อย่าง NASDAQ เอง
หลังจากปล่อยให้ธนาคารดังๆ เป็นข่าวมาสักพัก ตอนนี้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนในอังกฤษ 3 แห่ง ประกอบด้วย Schroders และ Aberdeen Asset Management ทดสอบระบบซื้อขายหลักทรัพย์โดยใช้เทคโนโลยี blockchain โดยร่วมมือกับ Columbia Threadneedle Investments ส่วนอีก 2 รายได้แก่ Aviva Investors และ Henderson Global Investors อยู่ในขั้นตอนการเจรจา
ความร่วมมือดังกล่าวมีทั้งบริษัททางด้าน FinTech สตาร์ทอัพสายเทคโนโลยีทางด้านธุรกิจโดยไม่ระบุชื่อ รวมถึงบริษัทที่ปรึกษาและตรวสอบงบการเงินชื่อดังอย่าง KPMG
โครงการทดลองระบบซื้อขายหลักทรัพย์นี้ยังเป็นระยะเริ่มต้นอยู่ และเป็นครั้งแรกที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนร่วมมือในการทดสอบระบบซื้อขายหลักทรัพย์โดยใช้เทคโนโลยี blockchain
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเชื่อว่า blockchain จะสามารถลดค่าใช้จ่ายในการซื้อขายหลักทรัพย์ได้เป็นหลักพันล้านปอนด์ และช่วยลดปัญหาเวลาซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีขนาดมูลค่าสูงๆ (ยกตัวอย่างเช่นการซื้อขายหุ้นปริมาณขนาดใหญ่ๆ อย่าง PTT สัก 4-5 ล้านหุ้นในวันเดียว ซึ่งเป็นเรื่องยากลำบาก เพราะในกระดานซื้อขายหุ้นวันนั้นๆ อาจมีปริมาณซื้อขายไม่ได้เยอะมากทุกวัน ซึ่งอาจต้องพึ่งพาธนาคารใหญ่ๆ อย่างเช่น J.P. Morgan, UBS, Morgan Stanley, Credit Suisse ช่วยเป็นคนกลางหาผู้ที่อยากซื้อหรือขายให้อีกทอดนึง) ทำให้กองทุนต่างๆ มีความสะดวกในการลงทุนมากยิ่งขึ้น ลดภาระการพึ่งพาธนาคารใหญ่ลง
ขณะนี้มีเริ่มมีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนระดับโลกหลายแห่งที่เริ่มสนใจเทคโนโลยี blockchain เช่น BlackRock หรือแม้แต่ AXA ที่ไปลงทุนกับสตาร์ทอัพที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี blockchain ส่วนที่เหลืออย่าง PIMCO และ J.P. Morgan Asset Management ยังไม่สนใจเทคโนโลยี blockchain เท่าไหร่
ที่มา - Financial Times