Rakuten ยักษ์ใหญ่วงการอีคอมเมิร์ซญี่ปุ่น (ที่ภายหลังขยายตัวไปทำธุรกิจอื่นมากมาย) ประกาศผลประกอบการประจำปี 2015 ภาพรวมออกมาดี รายได้เติบโต 19.2% แต่บริษัทก็ตัดตัวเลขด้อยค่าสินทรัพย์ (impairment loss) ของธุรกิจบางตัว ได้แก่ เว็บอีคอมเมิร์ซฝรั่งเศส PriceMinister, บริการอีบุ๊ก Kobo และธุรกิจอื่นๆ รวมมูลค่า 38.1 พันล้านเยน
ในโอกาสเดียวกัน Rakuten ยังประกาศวิสัยทัศน์ Vision 2020 ปรับยุทธศาสตร์ธุรกิจเพื่อการเติบโตในอนาคต ฝั่งของธุรกิจคอมเมิร์ซจะเน้นตลาดหลักอย่างญี่ปุ่นและไต้หวัน แต่อีคอมเมิร์ซในประเทศอื่นๆ จะต้องปรับโมเดลไปอีกพอสมควร
ธุรกิจคอมเมิร์ซในสหรัฐจะโฟกัสไปที่ Ebates เว็บรวมคูปองส่วนลดที่ Rakuten ซื้อมาในปี 2014 ส่วนธุรกิจในบราซิลจะปรับไปใช้โมเดล Software as a Service (SaaS) จุดที่น่าสนใจคือตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Rakuten จะปิดเว็บคอมเมิร์ซในสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย วันที่ 1 มีนาคมนี้ (และปลดพนักงานอีก 150 คน) ส่วนประเทศไทยที่มี Tarad.com กำลังอยู่ในกระบวนการขายออกไป
ผลประกอบการ Rakuten ปี 2015 แยกตามธุรกิจ
ธุรกิจที่ด้อยค่าสินทรัพย์ทางบัญชี
วิสัยทัศน์ 2020 โฟกัสไปที่ญี่ปุ่นและไต้หวัน
การปรับแผนธุรกิจอีคอมเมิร์ซนอกญี่ปุ่น
โมเดลของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะปิดเว็บไซต์ที่เป็นตลาด (marketplace) เปลี่ยนมาใช้แอพแบบ C2C (ผู้ใช้ซื้อขายของกันเอง) ชื่อ Rakuma ไม่รู้ว่าจะเจาะตลาดบ้านเราเข้าหรือเปล่า คู่แข่งในภูมิภาคนี้คือ Carousell และ Shopee ซึ่งรายหลังเข้ามาในบ้านเราแล้ว
ความเห็นของคุณภาวุธ พงษ์วิทยภาณุ ผู้ก่อตั้ง Tarad.com
ลูกค้าชาวตลาด.คอม ไม่ต้องห่วงกับข่าวนะครับ ทำตัวตามปกติ ทุกอย่างปกติครับ แต่จะดีขึ้นกว่าเดิมมหากาฬครับ รอหน่อยนะครับผม พวกคุณคือคนที่สำคัญของผมครับ ใจร่มๆ เชื่อผม.! หึๆ :)
Posted by Pawoot Pom Pongvitayapanu on Friday, February 12, 2016
ที่มา - Rakuten, Rakuten, TechCrunch