โครงการ dtac Accelerate เดินหน้ามาถึง Batch 4 แล้ว ปีนี้ประกาศจัดใหญ่กว่าเดิม เพื่อตอบรับความสนใจต่อตลาดสตาร์ตอัพไทยที่เพิ่มขึ้นสูงมาก
รูปแบบโครงการ Batch 4 ยังคล้ายกับปีก่อนๆ คือเปิดรับสตาร์ตอัพเข้าร่วมโครงการบ่มเพาะเป็นเวลา 4 เดือน โดยมีพี่เลี้ยงเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จในไทย และวิทยากรที่มีชื่อเสียงจากต่างประเทศ
สิ่งที่เพิ่มเข้ามาในปีนี้คือโครงการบ่มเพาะไม่ได้มีแต่ทีมจากประเทศไทยเท่านั้น แต่ dtac จะเชิญทีมจาก Digi Malaysia และ Telenor Myanmar มาร่วมอบรมด้วย เพื่อให้สตาร์ตอัพไทยมีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับทีมจากประเทศเพื่อนบ้าน
ผมมีโอกาสคุยกับ คุณสมโภชน์ จันทร์สมบูรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายนวัตกรรมธุรกิจและดีแทค แอคเซอเลอเรท ได้ประเด็นที่น่าสนใจดังนี้ครับ
คุณสมโภช หัวหน้าโครงการ accelerate (คนซ้ายสุด), คุณลาร์ส ซีอีโอ dtac, คุณแอนดริว กวาลเซท รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม Strategy และ Innovation
ทีมที่ผ่านโครงการ dtac accelerate จำนวน 70% ได้รับเงินลงทุนแล้ว แถมยังมีหนึ่งรายคือ Claim Di ได้ Series A แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นสัดส่วนที่สูงมาก เพราะโดยเฉลี่ยแล้วมีสตาร์ตอัพเพียง 20% ที่ได้รับเงินลงทุน
ถ้านับมูลค่าของบริษัททั้งหมด ก็โตขึ้น 5 เท่า และถ้าลองดูสถิติของกองทุน 500TuksTuks ที่ลงทุนในสตาร์ตอัพไทยทั้งหมด 14 ทีม ครึ่งหนึ่งหรือ 7 ทีมเป็นทีมที่ผ่านโครงการของ dtac
พัฒนาการของสตาร์ตอัพที่เข้ามาแข่งขันก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ในปี 2014 ผ่านโครงการไปแล้วระยะหนึ่งถึงได้เงินลงทุน พอปี 2015 มี 3 ใน 6 ทีมที่ได้เงินลงทุนระหว่างโครงการเลย และคิดว่าปี 2016 ก็จะดีขึ้นอีก
ถ้าเทียบกันเรื่องคุณภาพของสตาร์ตอัพกับประเทศเพื่อนบ้าน คิดว่าในแง่จำนวนเรายังสู้เขาไม่ได้ และตัวท็อปๆ ของเขาก็ยังเก่งกว่าเรามาก แต่ถ้าเอาคุณภาพโดยเฉลี่ย คิดว่าทีมของเราไม่แพ้ใคร
ทาง dtac ไม่ได้เป็นคนคัดเลือก แต่เป็นกรรมการคนนอกที่เป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์จริง โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าปีนี้ FinTech มาแรงที่สุด และแนวโน้มนี้คงอยู่ต่อไปอีก 2-3 ปี
ส่วนสตาร์ตอัพสาขาอื่นที่น่าสนใจก็มีเรื่องสุขภาพ (Health Tech), การเกษตร (AgriTech) และการศึกษา (EdTech) ส่วนเรื่อง VR/Drone/Maker ก็อยากเห็นแต่คิดว่ากลุ่มคนทำเรื่องนี้ในบ้านเราอาจยังเล็ก
กรรมการหรือที่เราเรียกว่าเป็นโค้ช (mentor) ก็รวมดาราวงการสตาร์ตอัพเมืองไทย ได้แก่คุณอริยะ (LINE), คุณทิวา (Kaidee), คุณแจ๊ค (Claim Di), คุณผไท (Builk), คุณหมู (Ookbee), คุณภาวุธ (Tarad)
ตอนนี้เรามี co-working space ใหม่ชื่อ Hangar ที่ชั้น 2 ตึกจามจุรีสแควร์ ไปง่ายมาสะดวก (หัวเราะ)
แต่ถ้าเอาจากเสียงของสตาร์ตอัพปีก่อนๆ เห็นตรงกันว่าสิ่งที่ได้ประโยชน์มากที่สุด คือการที่เราเชิญวิทยากรจากต่างประเทศมาพูดให้ฟัง การมาพูดนี่ใครก็ทำได้ แต่ไหนๆ มาแล้วเราขอให้เขาให้คำปรึกษาแบบ 1-on-1 กับสตาร์ตอัพที่ผ่านเข้ารอบด้วย ตรงนี้ได้ประโยชน์มากเพราะเป็นความเห็นจากบุคคลระดับโลก และพูดกันตรงๆ ไม่อ้อมค้อม (เช่น เคยบอกว่า your product sucks ก็มีมาแล้ว)
มันอาจโหด แต่ก็จริง และทีมที่เก็บความเห็นพวกนี้ไปปรับปรุงจะพัฒนาได้เร็วมาก
สิทธิประโยชน์อื่นๆ ของโครงการก็มีเงินลงทุน 10 ล้านบาท และงบช่วยสนับสนุนทางธุรกิจและการตลาดอีก 50 ล้านบาท เรายังจับมือกับโครงการ Blackbox ซึ่งเป็นโครงการบูธแคมป์ที่สหรัฐ ดังนั้นปีนี้จะมีหนึ่งทีมได้ไปอบรมกับที่ซิลิคอนวัลเลย์ด้วย
ต้องบอกว่าโครงการ dtac accelerate ได้รับการสนับสนุนจากผู้บริหารของ dtac และ Telenor อย่างดีมาก อย่างตัวคุณลาร์ส (ซีอีโอ dtac) เขาก็เคยเป็นสตาร์ตอัพมาก่อน เขาขายบริษัทให้ Telenor แล้วเข้ามาเป็นผู้บริหาร ก่อนย้ายมาเมืองไทย เขาเข้าใจเรื่องพวกนี้ดี ถ้ามีโอกาสได้ฟังคุณลาร์สพูดในงานของ accelerate จะเห็นว่าแกอินมาก สนับสนุนเต็มที่
ผู้สนใจสามารถสมัครได้ถึงวันที่ 17 เมษายน 2559 ที่เว็บไซต์ dtac accelerate 2016 รอบแรกจะคัด 20 ทีมก่อน