สรุปบทสัมภาษณ์ผู้พัฒนาเกม Stardew Valley จากคนเดินตั๋วหนัง สู่นักพัฒนาเกมระดับโลก

by BlackMiracle
11 March 2016 - 09:39

เกมปลูกผัก Stardew Valley เพิ่งวางจำหน่ายบนร้านขายเกม Steam ได้ไม่ถึงครึ่งเดือนดี ตอนนี้ขายไปแล้วกว่า 425,000 ก๊อบปี้ เกมฮิตถล่มทลาย และเว็บไซต์ PC Gamer ได้เข้าสัมภาษณ์ผู้พัฒนาเกมนี้ ผมเห็นว่าน่าสนใจไม่น้อย เลยเขียนสรุปมาอีกทีครับ

ผู้พัฒนาเกมนี้ชื่อ Eric Barone หรือฉายา ConcernedApe เป็นชาวอเมริกัน ขณะนี้อาศัยอยู่ที่เมืองซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน เขาพัฒนาเกมนี้ขึ้นมาคนเดียว ไม่มีใครช่วยเลย เขาออกแบบทุกอย่างในเกมเอง แต่งเพลงประกอบเอง เขียนโปรแกรมเอง ฯลฯ

Eric จบการศึกษาในสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ (Computer Science) จากนั้นก็ตระเวนสมัครงานตามบริษัทต่างๆ แต่ไม่มีที่ใดรับเข้าทำงานเลย เขาจึงคิดว่าควรพัฒนาตนเองให้มีทักษะด้านการเขียนโปรแกรมให้ดีขึ้น ด้วยความที่ Eric ชอบเกม Harvest Moon มาก เขาจึงเริ่มหัดเขียนเกมนี้ด้วยภาษา C# ตอนแรกก็เขียนเล่นๆ ต้องการแค่จะเพิ่มประสบการณ์การเขียนโปรแกรมเท่านั้น

เมื่อ Eric หางานทำไม่ได้ เขาเลยไปสมัครงานพาร์ทไทม์เป็นคนเดินตั๋วในโรงภาพยนตร์ใกล้ๆ บ้าน และใช้เวลานอกนั้นเขียนเกม เขาอาศัยอยู่กับแฟนสาวที่เรียนปริญญาโทอยู่ และดำรงชีวิตอย่างประหยัดด้วยเงินที่ได้จากมหาวิทยาลัย

หลังจากเริ่มเขียนไปได้ไม่นาน ความทะเยอทะยานของ Eric ก็เพิ่มสูงขึ้น ทีแรกเขาคิดจะเอาเกมไปปล่อยบนร้านขายเกม Xbox Live Marketplace ภายใต้โครงการ Xbox Live Indie Games แต่ไปๆ มาๆ เขาก็พัฒนาเกมให้ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และใช้เวลาทั้งสิ้น 4 ปี จนออกมาเป็นเกม Stardew Valley ในปัจจุบัน

ทาง PC Gamer ถามว่าชีวิตของ Eric จะเปลี่ยนไปแค่ไหนอย่างไรหลังจากนี้ เขาตอบว่าเขาไม่อยากเปลี่ยนวิถีชีวิตของเขาแม้แต่น้อย เส้นทางอาชีพก็จะเหมือนเดิม รวมถึงครอบครัวและเพื่อนก็ให้การสนับสนุนและเชื่อมั่นในตัวเขามาตั้งแต่แรกแล้ว เขารักการทำเกมและจะทำมันต่อไป

เมื่อถูกถามว่าจะเปลี่ยนขอบเขต (scope) ของเกมนี้ และอยากจ้างคนมาช่วยหรือไม่ เขาบอกว่ายังไม่ได้ตัดสินใจเรื่องนั้น แต่คงไม่จ้างใครมาเพิ่มแน่นอน เนื่องจากเกมนี้เริ่มต้นมาจากเรื่องส่วนตัว (ความอยากหางานทำ) และประสบความสำเร็จด้วยตัวเขาเองคนเดียว อย่างไรก็ตาม หากต่อไปจะมีโครงการพอร์ตเกมไปแพลตฟอร์มอื่น หรือเพิ่มโหมดเล่นหลายคน ก็อาจเปิดรับคนมาช่วยในด้านนี้ แต่เขาชอบทำงานคนเดียวมากกว่า

Eric ยังบอกอีกว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมี DLC ในอนาคต แต่ ณ ตอนนี้เขาคิดว่าเกมประสบความสำเร็จมากพอที่จะยังไม่ต้องมี DLC ก็ได้ โดยหลังจากนี้นอกจากการแก้บั๊ก เขาคิดว่าจะปล่อยอัพเดตเพิ่มของในเกมให้ผู้เล่นแบบฟรีๆ ไปเรื่อยๆ และเขาได้รับเสียงเรียกร้องให้เพิ่มตัวละครที่สามารถแต่งงานด้วยได้ (ด้วยเหตุผลบางอย่าง ผู้เล่นเรียกร้องหา Shane เป็นพิเศษ)

โฉมหน้านักพัฒนา Eric “ConcernedApe” Barone และโต๊ะคอมของเขา || ภาพจาก PC Gamer

ในประเด็นโหมดผู้เล่นหลายคน Eric สัญญาว่าจะเพิ่มโหมด Co-op มาในอนาคตแน่นอน เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้เกมนี้แตกต่างจาก Harvest Moon โดยเขาอยากให้มีโหมดเล่นหลายคนมาตั้งแต่แรกแล้ว แต่ทำไม่ทัน ประกอบกับคนรอเล่นเกมนี้เยอะมาก เลยปล่อยเกมออกมาเป็นแบบเล่นคนเดียวไปก่อน

ถึงจุดนี้ PC Gamer เลยถามว่าคิดว่าจะใช้เวลาทำนานแค่ไหน Eric หัวเราะและตอบว่าสิ่งหนึ่งที่เขาเรียนรู้จากการทำเกมนี้คือ “อย่ากำหนดเวลา” อย่างตอนแรกเขานึกว่าเกมจะเสร็จในไม่กี่เดือน แต่เอาเข้าจริงก็ใช้เวลาไป 4 ปี เขาเลยไม่อยากสัญญาอะไรก็ตามที่เขาทำไม่ได้

ภายในสามวันหลังจากเกมถูกปล่อยออกมา Eric ได้ส่งแพตช์แก้บั๊กหลายครั้ง เขาบอกว่าความกดดันทุกอย่างอยู่ที่เขาคนเดียว เขาแคร์ผู้เล่นมาก และรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบหากเกมแครชหรือมีคนเจอบั๊ก เขาอยากให้ทุกคนได้รับประสบการณ์ที่ไร้ที่ติขณะเล่นเกมนี้ และรู้สึกเครียดมากเวลาได้ยินว่าสิ่งนั้นไม่ทำงาน และเกมแครช เขาจึงต้องรีบแก้บั๊กทุกอย่างให้เร็วที่สุด โดย Eric เคยแม้กระทั่งไปแก้ไฟล์เซฟให้ผู้เล่นเป็นรายคนมาแล้ว

ขณะนี้มีส่วนต่อขยาย (mods) ที่ทำโดยผู้เล่นออกมามากมาย โดย Eric บอกว่าเขาสนใจจะใช้ระบบ Steam Workshop ในการจัดการ mods ต่างๆ เนื่องจากเขาเห็นว่า mods เหล่านี้ช่วยเพิ่มสีสันให้กับเกมอย่างมาก

มาถึงช่วงท้ายของการสัมภาษณ์ ทาง PC Gamer ถามว่าบริษัท Chucklefish ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายเกมนี้เข้ามาเกี่ยวข้องตอนไหน Eric ตอบว่าเขาเอาเกม Stardew Valley เข้าโครงการ Steam Greenlight ไป แล้วผู้บริหารของ Chucklefish ก็ติดต่อมาขอเป็นผู้จัดจำหน่าย ซึ่ง Eric คิดว่านี่คือโอกาสทองเพราะตอนนั้นไม่มีใครรู้จักเขาเลย ทั้งสองฝ่ายจึงเซ็นสัญญากัน โดย Chucklefish ให้อิสระเต็มที่ ไม่ได้มีมาเกี่ยวข้องหรือกำหนดอะไรเกี่ยวกับตัวเกมแม้แต่น้อย แต่ช่วยโปรโมตเกม, เปิดเว็บไซต์เกมให้ และช่วยเปิดหน้าวิกิของเกมแทน และ Eric บอกว่ามันดีมากๆ ที่มีกลุ่มคนที่เคยผ่านเรื่องแบบนี้มาช่วย อีกทั้งคอยเป็นที่ปรึกษาให้

สุดท้าย Eric บอกว่า ณ ตอนนี้ยังมีความลับในเกมที่ยังไม่มีใครค้นพบอีกด้วย เพราะมันพิสดารมากจนเขาไม่รู้ว่าจะมีใครทำหรือไม่ (กล่าวคือทำบางอย่างในเกมเพื่อค้นพบความลับนี้)

ใครชอบเกมแนวนี้ อย่าเล่นของเถื่อนเลยครับ ไปซื้อกันได้บน Steam ราคา 315 บาทเท่านั้น

ที่มา - PC Gamer

Blognone Jobs Premium