รีวิว Galaxy S7 ไม่มีอะไรว้าว แต่มันเป็นเรือธง Android ที่สมบูรณ์แบบมาก

by mk
13 March 2016 - 12:23

มือถือเรือธงฝั่ง Android ที่น่าจับตาที่สุดในช่วงต้นปี 2016 ย่อมหนีไม่พ้น Galaxy S7 ที่ซัมซุงเลือกใช้วิธีต่อยอดแนวทางของ Galaxy S6 เมื่อปีที่แล้ว แทนการออกแบบใหม่หมดอย่างที่เคยทำมา

ดูเผินๆ Galaxy S7 หน้าตาคล้ายกับ Galaxy S6 มากจนแทบแยกไม่ออก แต่มันก็แก้ไขจุดอ่อนหลายจุดของ S6 โดยเฉพาะเรื่องช่องเสียบ microSD และนำฟีเจอร์กันน้ำของ S5 คืนกลับมา เมื่อบวกกับฟีเจอร์ใหม่อื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง จึงทำให้ S7 เป็นมือถือเรือธงที่สมบูรณ์มากขึ้น (จะมีแค่เรื่องถอดแบตที่ยังเป็นประเด็นอยู่ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่เท่ากับ microSD) คำถามคือ S7 ยังมีดีพอที่จะครองแชมป์ไปตลอดปี 2016 หรือไม่

ผมได้ Galaxy S7 (ตัวธรรมดาไม่มี edge) จากซัมซุงมาทดสอบประมาณหนึ่งสัปดาห์ หวังว่าจะมีคำตอบให้ทุกท่านครับ

ดีไซน์

อย่างแรกเลยที่ต้องพูดถึงคือดีไซน์ภายนอก ถ้าไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้โทรศัพท์มือถือจริงๆ บอกได้เลยว่าการแยก S7 กับ S6 จากระยะไกลเป็นเรื่องค่อนข้างยาก เพราะหน้าตาเกือบเหมือนกันเป๊ะๆ ซัมซุงยังคงแนวทางการออกแบบที่เป็นโลหะมันวาวและกระจกของ S6 ซึ่งก็ตอบโจทย์ในเรื่องความหรูหรามีระดับ ปิดจุดอ่อนเรื่องวัสดุพลาสติกดูราคาถูกในอดีตไปหมดแล้ว

ในยุคที่มือถือจอใหญ่ 5 นิ้วกว่าๆ กลายเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ ขนาดจอ 5.1" ของ S7 ให้ความรู้สึก "เล็ก" ไปในทันที (ปีนี้ซัมซุงปรับขนาดของ S7 edge ให้จอใหญ่ขึ้นเป็น 5.5" แทน คาดว่าคงไม่ออก S7 edge+ แล้ว) ลองจับดูแล้วรู้สึกขนาดพอดีมือมากกว่า พกสะดวกกว่า ใส่กระเป๋ากางเกงแล้วคล่องตัวกว่ามือถือจอใหญ่กว่านี้มาก

ดีไซน์ด้านหลังเหมือนกับ Galaxy Note 5 แทบทุกอย่าง ใช้วัสดุมันวาวสะท้อนแสง (ข้อเสียคือเป็นรอยนิ้วมือง่ายมาก) ขอบด้านหลังของ S7 ยังออกแบบให้โค้งรับอุ้งมือ แบบเดียวกับ Note 5 ตรงนี้ต่างไปจาก S6 ที่ฝาหลังแบนราบ จับลำบากอยู่บ้าง

เทียบขนาดของ S7 (ซ้าย) และ Note 5 (ขวา)

ความแตกต่างเล็กๆ อีกจุดที่มองเห็นชัดคือ กล้องของ S7 ไม่นูนออกมาเยอะแบบเดียวกับ S6 หรือ Note 5 อีกแล้ว ยังไม่ถึงขั้นแบนราบ แต่ก็นูนออกมานิดเดียว

เปรียบเทียบกล้อง S7 (ขวา) และ Note 5 (ซ้าย)

การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ อีกจุดหนึ่งคือ S7 ใช้กระจกหน้าจอแบบ 2.5D ตามสมัยนิยม จากภาพคงพอเห็นขอบกระจกของ S7 (ซ้าย) นูนขึ้นมาเล็กน้อย ในขณะที่กระจกหน้าจอของ Note 5 (ขวา) แทบจะแบนราบ

วัสดุที่ทำเป็นขอบเครื่อง การวางพอร์ตยังใกล้เคียงกับของเดิมมาก พอร์ตของ S7 ยังเลือกใช้ Micro USB แบบเดิม ไม่เปลี่ยนมาเป็น USB Type-C คาดว่าเป็นเหตุผลเรื่องความเข้ากันได้ของสายชาร์จ

จุดอ่อนสำคัญของ S6 ถูกแก้ไขไปเรียบร้อยแล้ว โดยซัมซุงเพิ่มช่องเสียบ microSD เข้ามาในถาดเสียบซิม สามารถเลือกได้ว่าจะใช้เสียบซิมที่สองหรือ microSD

ฟีเจอร์ใหม่อีกอันของฝั่งฮาร์ดแวร์ คือหน้าจอที่แสดงผลได้แม้ปิดจอไปแล้ว โดยกินพลังงานน้อยมาก อันนี้เป็นฟีเจอร์แบบเดียวกับ Glance Screen ของ Lumia หลายๆ รุ่น ผมลองใช้แล้วพบว่าแรกๆ ยังไม่คุ้น เห็นตัวเลขสว่างๆ คิดว่าลืมปิดจอทุกที แต่ใช้ไปสักพักก็สะดวกดีตรงที่ดูเวลา และ missed call ได้ง่ายขึ้น

ซอฟต์แวร์

ระบบปฏิบัติการของ Galaxy S7 มาพร้อมกับ Android 6.0.1 Marshmallow ที่ครอบด้วย Touchwiz ของซัมซุงอีกทีหนึ่ง

จุดที่น่าสนใจคือซัมซุงเปลี่ยน UI อย่างมีนัยสำคัญกับมือถือเรือธงรุ่นต้นปี แต่พอมาถึงรอบของ S7 หน้าตาของ UI แทบไม่เปลี่ยนจาก S6 เลย (มาแนวเดียวกับดีไซน์ฮาร์ดแวร์) ตรงนี้อาจถือเป็นสัญญาณได้ว่าซัมซุงพอใจกับแนวทางการออกแบบของตัวเองแล้ว และหวังว่าในอนาคตคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก

เมื่อเปิดเครื่องครั้งแรก เราจะพบกับหน้าจอตั้งค่าจำนวนหลายจอมาก (น่าจะเกือบสิบหน้าจอ) ตรงนี้ผมมองว่าวุ่นวายเกินควรไปมาก คนได้เครื่องใหม่มาคงอยากใช้งานเครื่องให้เร็วที่สุด แต่กลับต้องผ่านหน้าจอตั้งค่ามากมาย และหลายอันก็ดูไม่จำเป็นเท่าไรนัก เช่น การเปิดใช้ Easy Mode หรือติดตั้ง Samsung KNOX ที่ไปทำทีหลังก็ได้

เมื่อผ่านกระบวนการอันวุ่นวายและน่าเบื่อมาได้ เราก็จะพบกับหน้าโฮมที่คุ้นเคย ซึ่งถูกลดเหลือเพียง 2 หน้าจอเท่านั้น (ถ้านับหน้ารวมข่าว Briefings ที่ใช้เอนจิน Flipboard ด้วยก็เป็น 3 หน้าจอ แต่ถ้าไม่ชอบก็ปิดได้)

ในอดีต UI ของซัมซุงขึ้นชื่อมากในเรื่องความรก มาถึงตอนนี้เห็นความเรียบจนแทบไม่เหลือไอคอนอะไรมากนัก ก็น่าประทับใจว่าซัมซุงสามารถพัฒนาตัวมาได้ถึงขั้นนี้

เมื่อเปิด app drawer มาก็จะจบว่าซัมซุงให้ app drawer มาเพียงหน้าเดียว เหตุผลหนึ่งเป็นเพราะซัมซุงรวมแอพจากพาร์ทเนอร์แต่ละค่ายแยกเข้าโฟลเดอร์ให้เรียบร้อย (มีโฟลเดอร์ Samsung, Google, Microsoft และ Social ซึ่งก็คือแอพในเครือ Facebook) มีแอพพื้นฐานมาให้เท่าที่ควรมี ถือว่าน่าชมเชย

จุดที่น่าติสักหน่อยคือในแถบ notification จะมีการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็นโผล่ขึ้นมา เช่น โฆษณาจาก OneNote หรือฟีเจอร์ Smart Switch ช่วยย้ายข้อมูลจากมือถือเครื่องเก่า

ซอฟต์แวร์ของซัมซุงที่ติดมากับเครื่อง มีฟีเจอร์บางอันที่อาจไม่ค่อยจำเป็นเท่าไรนัก เช่น การแชร์เนื้อหาถูกมัดรวมมาเป็นแอพ Enhanced Features หรือแอพ Smart Switch Mobile ที่ช่วยย้ายข้อมูลจากมือถือเก่าผ่านสายเคเบิล (ผมมองว่าแอพพวกนี้เอาขึ้น Google Play หรือ Galaxy Apps ให้โหลดกันเองดีกว่า)

หน้าจอ Settings ยังคล้ายกับของเดิม ฟีเจอร์อำนวยความสะดวกหลายอย่างที่มีมาตั้งแต่ช่วง S4 เช่น gesture ท่าต่างๆ ถูกนำมารวมกันในหมวด Advanced Features

ฟีเจอร์ด้าน UI ของซัมซุงยังมีให้ลองใช้งานผ่าน Galaxy Labs อันนี้ผมคาดว่าซัมซุงคงอยากทดสอบฟีเจอร์ใหม่ไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่กล้าเอามาใส่ในหน้าจอหลักเพราะกลัวโดนด่าว่ารก ตัวอย่างฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือการปิด app drawer เพื่อให้แอพทั้งหมดอยู่บนหน้าโฮม (แบบ iOS)

ฟีเจอร์ใหม่สองตัวที่เดโมในงานเปิดตัวคือ Game Launcher ปุ่มลัดเข้าเกม และ Game Tools ช็อตคัตอำนวยความสะดวกขณะเล่นเกม (เช่น ปิดการแจ้งเตือนทั้งหมด หรือ อัดวิดีโอขณะเล่น) ฟีเจอร์พวกนี้ออกแบบมาเอาใจคอเกมเมอร์บนอุปกรณ์พกพา ซึ่งไม่ได้เปิดมาเป็นค่าดีฟอลต์ ใครอยากใช้ค่อยมาเปิดใช้เอง

ถ้าเปิดใช้ Game Launcher แล้ว จะมีแอพ Game Launcher โผล่ขึ้นมาในเครื่อง มันจะรวบรวมข้อมูลเกมที่เรามีในเครื่องมาทำเป็นช็อตคัตไว้ให้ (ในการทดสอบนี้ยังไม่ได้ติดตั้งเกม เลยมีแค่ไอคอนเดียวที่เป็นโฆษณา) ฟีเจอร์อื่นๆ คือดูอันดับเกมติดชาร์ทจาก Play Store และดูเทรลเลอร์เกมจาก YouTube ได้จากแอพนี้เลย

ฟีเจอร์อย่างสุดท้ายที่อยากเขียนถึงคือ เมื่อเราเสียบ microSD เข้าในถาดซิม ในถาดแจ้งเตือนจะบอกเราทันทีว่าพบหน่วยความจำ microSD ซึ่งเราสามารถกดดูข้อมูลได้จากแอพ File Manager

ส่วนในหน้า Storage ของแอพ Settings ก็จะขึ้นข้อมูลของ microSD มาคู่กับสตอเรจภายในเครื่อง เราสามารถสั่งเมานท์หรือฟอร์แมตการ์ดได้จากหน้านี้เลย

โดยรวมแล้ว ฝั่งซอฟต์แวร์ของซัมซุงก็ทำออกมาได้ดี หน้าตาเรียบๆ ดูสะอาดสะอ้าน ไม่เปลี่ยนไปจากของเดิมมากนัก มีแอพแถมมาให้บ้างทั้งจากพาร์ทเนอร์และแอพของซัมซุงเอง บางอันก็ดูไม่ค่อยจำเป็นนัก แต่ก็ไม่รกรุงรังมากเหมือนในอดีต

กล้อง

กล้องของ S7 มีระบบเซ็นเซอร์แบบใหม่ที่เรียกว่า Dual Pixel รับแสงได้มากกว่าเดิม โฟกัสภาพได้เร็วกว่าที่เคย ดังนั้นเรามาลองดูกันว่ากล้องของ S7 เป็นอย่างไรบ้าง (ภาพทั้งหมด ถ่ายด้วยโหมด Auto และไม่ได้ปรับแต่งใดๆ คลิกเพื่อดูภาพขนาดเต็มได้จาก Flickr)

เริ่มจากภาพของกล้อง S7 ตอนกลางวันอย่างเดียวก่อน (มีภาพสุดท้ายภาพเดียวที่ถ่ายตอนกลางคืน) ในสภาพแสงดีๆ กล้องให้ภาพออกมาสวยงามดีครับ

ลองเทียบคุณภาพของภาพแบบช็อตต่อช็อต ระหว่างกล้อง S7 (ซ้าย) และกล้อง Note 5 (ขวา) เอาเฉพาะตอนกลางวัน แทบไม่เห็นความแตกต่าง

แต่ Dual Pixel มาแผลงฤทธิ์ให้เห็นเมื่อถ่ายตอนกลางคืนครับ

เริ่มจากการถ่ายวัตถุในห้องที่มีสภาพแสงน้อยๆ แบบไม่เปิดแฟลช ใช้โหมด Auto ทั้งคู่ ระหว่าง S7 (ซ้าย) และ Note 5 (ขวา) อัลกอริทึมของกล้อง S7 จะเกลี่ยให้ภาพทั้งภาพสว่างขึ้น แต่ภาพจะเบลอกว่า Note 5 อยู่บ้าง

ลองเปิดแฟลชช่วย ผลออกมาไม่ต่างกันนัก แต่ S7 เกลี่ยแสงได้ดีกว่า Note 5 ที่สว่างเป็นบางจุด

พอลองถ่ายภาพตอนกลางคืนในมุมต่างๆ ตรงนี้ S7 ให้ภาพที่เหนือกว่าอย่างมีนัยสำคัญ

โดยรวมแล้วถือว่ากล้องของ Galaxy S7 น่าประทับใจมาก ในรุ่นของ S6/Note 5 ถือว่าซัมซุงทำกล้องออกมาได้ดีมากแล้ว แต่พอมาเป็นยุคของ S7 ที่ใช้ Dual Pixel ก็ยังพัฒนาต่อไปได้อีกขั้น การถ่ายภาพกลางคืนจึงให้ภาพที่คุณภาพดีขึ้นอีกระดับ

ประสิทธิภาพและแบตเตอรี่

ผมลองรันเบนช์มาร์คด้วย AnTuTu ได้คะแนนออกมาที่ 131,216 คะแนน แม้เดี๋ยวนี้ประสิทธิภาพแบบ raw performance ไม่ค่อยมีผลกับการใช้งานจริงมากนัก แต่ S7 ก็ยังทำผลงานได้ดีสมราคาคุย (ตัวนี้เป็น Exynos 8890 รุ่นที่ขายในไทย เดี๋ยวต้องรอดูรุ่นที่เป็น Snapdragon 820 อีกที)

แบตเตอรี่เป็นอีกจุดที่ S7 ปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเดิม ในแง่ฮาร์ดแวร์ มันมาพร้อมกับแบตเตอรี่ 3000mAh (ถ้าเป็น S7 edge ให้มา 3600mAh) เมื่อรวมกับการปรับแต่งระบบให้ใช้แบตเตอรี่ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ในการใช้งานจริงผมก็พบว่าแบตของ S7 อึดไม่ใช่เล่นเลยทีเดียว (ไม่ได้ทดสอบจริงจังนะครับอันนี้ ลองใช้เป็นมือถือหลักมา 1 สัปดาห์ ถ่ายภาพ เล่นเน็ตตามปกติ ก็ลดไปไม่ถึงครึ่งในสิ้นวัน)

หมายเหตุ: เนื่องจากซัมซุงไม่ได้ให้ชุด wireless charger มาด้วย เลยไม่ได้ทดสอบฟีเจอร์ชาร์จไร้สายแบบรวดเร็วครับ

สรุป

Galaxy S7 ถือเป็นมือถือเรือธงที่พัฒนาขึ้นในทุกด้าน มันสืบทอดแนวทางการออกแบบของ S6 ที่พัฒนาให้สมบูรณ์ขึ้น ทั้งในแง่สรีระศาสตร์ (ด้านหลังโค้ง) และฟังก์ชัน (microSD กับกันน้ำ)

ในแง่สเปก Galaxy S7 ก็ใช้หน่วยประมวลผลที่แรงที่สุดเท่าที่หาได้ หน้าจอสวยงาม แบตเตอรี่อึดขึ้นกว่าเดิม ฟีเจอร์สำคัญอย่างกล้องก็มีเทคโนโลยี Dual Pixel ที่ช่วยให้ถ่ายภาพตอนกลางคืนได้ดีกว่าเดิม

ข้อติเดียวที่วิจารณ์ได้คงเป็นฟีเจอร์ฝั่งซอฟต์แวร์ที่ยังดู "เยอะ" เกินไปในบางจุด และน่าจะลดทอนลงไปได้มากกว่านี้ ฟีเจอร์หลายตัวที่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะใช้งาน (เช่น KNOX หรือ Game Tools) น่าจะเปิดให้ดาวน์โหลดเองผ่าน Google Play หรือ Galaxy Apps จะดีกว่า

ถ้าพูดถึงความใหม่หรือความว้าว คงต้องพูดกันตรงๆ ว่า S7 ไม่มีอะไรที่แหวกแนวหรือปฏิวัติวงการ แต่ถ้ามองในแง่พัฒนาการแบบ evolutionary ต้องบอกว่ามันเป็นมือถือเรือธงที่สมบูรณ์มากๆ จนผมเริ่มคิดไม่ออกแล้วว่ามือถือเรือธงรุ่นถัดๆ ไปของซัมซุง (เช่น Note 6 หรือ S8) จะพัฒนาไปไกลกว่านี้ได้อีกแค่ไหน

S7 ถือเป็นเรือธงของสาย Android ประจำปี 2016 ได้อย่างเต็มภาคภูมิ ใครที่ร้างราจากการซื้อมือถือรุ่นท็อปมาสัก 2 ปี การตัดสินใจซื้อ S7 ย่อมไม่สร้างความผิดหวังให้ แต่ถ้ามีมือถือเรือธงของปี 2015 (อย่าง S6 หรือ Note 5) อยู่ก่อนแล้ว ในแง่การอัพเกรดอาจไม่คุ้มค่าสักเท่าไรนัก

Blognone Jobs Premium