หลายปีมานี้นับแต่เว็บดีลได้รับความนิยมอย่างสูงในไทยช่วงหนึ่ง หลายๆ คนก็มักจะหาช่วงเวลาลดราคาของร้านอาหารเพื่อไปลองร้านใหม่ๆ กันบ้าง (ผมเองก็ทำเป็นประจำ) แต่หลายร้านก็อาจจะบ่นกันว่าลูกค้าจากดีลกลับทำให้คนล้นร้านในบางช่วงจนให้บริการไม่ทัน
วันนี้ผมได้มีโอกาสสัมภาษณ์คุณภูมินทร์ ยุวจรัสกุล หนึ่งในกลุ่มผู้ก่อตั้ง eatigo บริการจองที่นั่งร้านอาหารแบบได้รับส่วนลดสูงสุดถึง 50% ในช่วงเวลาที่ร้านแจ้งไว้ล่วงหน้า eatigo เป็นบริการที่ก่อตั้งบริษัทกันมาตั้งแต่ปี 2013 และเปิดบริการในปี 2014 เพียงปีกว่าๆ ก็จองที่นั่งไปแล้วกว่าล้านที่นั่ง อัตราการเติบโต 25% ต่อเดือน และเพิ่งได้รับเงินจากการระดมทุนรอบแรกไป "หลายล้านดอลลาร์" เมื่อปลายปีที่แล้ว ตอนนี้ eatigo เปิดดำเนินการในสิงคโปร์และไทย
eatigo ก่อตั้งโดยผู้ก่อตั้งสี่คน ได้แก่ Michael Cluzel, Siddhanta Kothari, Judy Tan, และคุณภูมินทร์ ยุวจรัสกุล ที่เป็นผู้ตอบสัมภาษณ์ครั้งนี้ครับ
เราเจอกันผ่านคนรู้จักอีกทีหนึ่ง ตอนนั้นแต่ละคนมีความคิดว่าจะสร้างบริการที่ใหญ่ระดับเอเชียก็เลยมองหาทีมงานกันเจอมาเจอกัน
เป็นไอเดียตั้งแต่แรกของเราแล้วครับ เราพบว่าเว็บร้านอาหารก่อนหน้านี้ไม่ค่อยมีแรงจูงใจให้คนเปลี่ยนมาจองล่วงหน้า คนไทยเองก็ชินกับการเดินไปร้านอาหารได้เลยโดยไม่ต้องจอง
เราเลือกเสนอแรงจูงใจให้กับผู้ใช้ด้วยส่วนลด ขณะเดียวกันร้านค้าเองก็สามารถใช้บริการของเราเป็นการบริการจัดการรายได้ (yield management) แบบเดียวกันที่ทางโรงแรม (Agoda, booking.com) หรือสายการบินต้นทุนต่ำส่วนมากทำกัน คือปรับราคาตามการความหนาแน่นของลูกค้า
เราคิดว่ามันเป็นโอกาสมากกว่าครับ การที่เว็บดีลเริ่มไม่ได้รับความนิยมส่วนหนึ่งเป็นเพราะร้านค้าไม่น้อยขาดทุนกับการทำธุรกิจกับเว็บดีล แม้ว่าลูกค้าจะชอบที่ได้รับส่วนลดก็ตาม บริการของ eatigo คิดถึงส่วนนี้จึงมองว่าร้านค้าเองก็ควรได้กำไรโดยรวมมากขึ้นขณะที่ลูกค้าก็ได้รับส่วนลดไปด้วย
ทางด้านแอปพลิเคชั่นมียอดดาวน์โหลดรวมกว่า 500,000 คนแล้ว (รวมไทยและสิงคโปร์) และยอดการส่งลูกค้าไปยังร้านอาหารก็เกิน 1,000,000 คนแล้ว
ช่วงแรกๆ ค่อนข้างยากมาก เพราะระบบเราบังคับทุกร้านอาหารที่มาเข้าร่วมต้องมีช่วงเวลาลดราคา 50% อย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมง บางร้านก็อาจจะกังวลที่ต้องให้ส่วนลดเช่นนี้ แต่ในความเป็นจริงร้านอาหารส่วนมากมีช่วงเวลาที่ร้านไม่ค่อยมีคนมาใช้บริการอยู่แล้ว การดึงคนเข้าร้านในช่วงเวลานั้นกลับเป็นการใช้ช่วงเวลาที่ไม่เป็นสร้างรายได้มาทำกำไรได้ เทียบกับเว็บดีลอาจจะส่งลูกค้าเข้ามายังร้านในช่วงเวลาปกติที่ร้านอาจจะยุ่งอยู่แล้ว แต่กลับต้องให้บริการด้วยส่วนลดอีก
เรายังอยากได้ร้านอาหารเข้ามาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปีนี้เองเราก็มีแผนจะลงโฆษณาด้วยงบประมาณอีก 60 ล้านบาทในครึ่งปีแรก ร้านที่เราอยากให้มาลงเพิ่มในตอนนี้คงเป็นร้านแบรนด์ที่มีสาขามากๆ อย่างตอนนี้เรามี Pizza Hut มาลงบนเว็บแล้ว
แต่ข้อดีอย่างหนึ่งของ eatigo คือมีร้านหลากหลายประเภท ตั้งแต่ฟาสฟู้ดไปจนถึงร้านหรูในโรงแรมห้าดาว ดังนั้นไม่ว่าร้านประเภทไหนเราก็คงอยากให้มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ความท้าทายน่าจะเป็นที่ช่วงแรกๆ เพราะผู้ก่อตั้งไม่เคยมีประสบการณ์ในการทำสตาร์ทอัพเทคกันมาก่อน ก็ต้องมาดูเช่นเรื่องอินเทอร์เฟซ แต่พอหลังจากทดสอบบริการกับร้านอาหารจริงและได้ผลดี และจำนวนผู้ใช้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ก็ไม่ลำบากเท่าช่วงแรก
การจ้างคนเป็นเรื่องยากสำหรับเราเหมือนกัน จากประสบการณ์ที่ผ่านมาเมืองไทยยังมีนักพัฒนาที่มีประสบการณ์ระดับ regional น้อยเกินไป หลายครั้งเราก็ต้องจ้างคนจากต่างประเทศมาถ่ายทอดความรู้ให้พนักงานของเราอีกที