หลังจากเมื่อวันที่ 21 มีนาคม Apple ประกาศเปิดตัว iPad Pro 9.7 นิ้ว และ iPhone SE วันนี้ก็เป็นวันแรกที่เริ่มวางขายอย่างเป็นทางการ ผมจึงถือโอกาสไปลองจับผลิตภัณฑ์ทั้งสองตัวแบบคร่าวๆ และถ่ายทอดออกมาเป็นลองจับสั้นๆ ให้ผู้อ่านครับ
iPad Pro 9.7 นิ้ว
สำหรับ iPad Pro 9.7 นิ้ว (จากนี้จะเรียกว่า iPad Pro 9.7) หน้าตาภายนอกทุกอย่างไม่ต่างจาก iPad Air 2 แม้แต่นิดเดียว จุดต่างที่เห็นได้ชัดเจนในตอนเดินเข้าร้าน Apple Store คือการที่มันถูกวางอยู่บนแป้นพิมพ์ที่เป็นอุปกรณ์เสริมเท่านั้น
แป้นพิมพ์ไม่ต่างจากแป้นของ Surface และ iPad Pro รุ่น 12 นิ้ว แม้แต่นิดเดียว (ขออภัยด้วยที่ไม่มีรูปเทียบความใหญ่ น่าจะคาดคะเนกันเองได้) สามารถถอดออกแล้วแปลงกลายเป็น cover ได้ ซึ่งพอเก็บแล้วผมว่ามันดูแปลกๆ คือไม่ได้เรียบไปแบบ Surface แต่จะมีนูนๆ ขึ้นมา ซึ่งเป็นส่วนของแป้นพิมพ์ (ตรงนี้ผมว่า Surface คิดมาดีกว่า แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าตัว iPad เองไม่มีขาตั้ง)
หากเป็นคนที่ช่างสังเกต จะสังเกตว่า iPad Pro 9.7 ตัวนี้มีกล้องหลังที่ "ปูด" ออกมาแทบไม่ต่างจาก iPhone 6/6s แม้แต่น้อย อันนี้ไม่รู้ว่าใครจะชอบหรือไม่ชอบบ้าง
หน้าจอและเรื่องความคมชัดถือว่าทำได้ดีสมกับเป็น iPad เช่นเคย ในการใช้งานจริงอาจจะไม่ได้ต้องสังเกตอะไรถึงเพียงนั้น เอาเป็นว่าเปิดเอกสารอ่านแล้วเนียนครับ
สิ่งสำคัญอยู่ที่ iPad Pro 9.7 สามารถใช้งานร่วมกับ Apple Pencil ได้ (และในการจัดแสดง Apple Store ก็แสดงคู่กัน แต่เวลาขายจริงเข้าใจว่าไม่แถมให้ เพราะบอกชัดเจนว่า Apple Pencil เป็นอุปกรณ์เสริม) ผมทดลองแล้วก็ใช้งานได้ดีอยู่ในระดับที่น่าพอใจ (จากประสบการณ์ที่ใช้ Note 4) แต่ถ้าลองลากเส้นครั้งเดียวยาวๆ แล้วต่อเนื่อง ก็จะพบอาการช้า (delay) ของตัวเส้นที่ตามไม่ทันบ้าง
ลองดูวิดีโอการใช้งานคร่าวๆ ด้านล่างครับ (อาจจะสั่นไปบ้าง ต้องขออภัยด้วย)
เรื่องของกล้อง เนื่องจากผมพยายามส่งอีเมลออกจาก iPad Pro แต่ทำไม่ได้ เลยได้แต่เล่าว่ากล้องก็ทำงานอยู่ในระดับที่น่าประทับใจ มีโหมดให้ใช้งานค่อนข้างดีระดับหนึ่ง คำถามคือใครจะยก iPad ขึ้นมาถ่ายรูปบ้าง อันนี้ผมนึกกลุ่มประชากร (demographic) ไม่ออกจริงๆ
ราคาของ iPad Pro 9.7 ที่ออสเตรเลียเริ่มต้นที่ 899 ดอลลาร์ออสเตรเลีย สำหรับรุ่น 32 GB, Wi-Fi ส่วน Apple Pencil อยู่ที่แท่งละ 165 ดอลลาร์ออสเตรเลีย, แป้นพิมพ์ราคาอยู่ที่ 229 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (มีเฉพาะภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน) โดยราคานักศึกษาสำหรับ iPad Pro จะถูกลงกว่านี้ "นิดหน่อย" ครับ
iPhone SE
นอกจาก iPad Pro 9.7 แล้ว ผลิตภัณฑ์อีกตัวที่วางขายพร้อมกันคือ iPhone SE (ในร้านมีให้เล่นน้อยมาก) ซึ่งเมื่อทดลองใช้งานและดูโดยรวมแล้ว ต้องบอกว่าไม่ต่างจาก iPhone 5s ที่เปลี่ยนไส้ในอย่างเดียวแม้แต่น้อยครับ สิ่งที่เห็นแตกต่างกันอย่างชัดเจนคือเรื่องประสิทธิภาพเสียมากกว่า (ใช้แล้วลื่น ใช้แล้วไม่สะดุด เมื่อเทียบกับ 5s)
แน่นอนว่าต้องมาพร้อมกับสีจมพู Rose Gold สีชมพู (สีที่พิธีกรรายการ Last Week Tonight อย่าง John Oliver ไม่ชอบ)
ราคาของ iPhone SE อยู่ที่ 679 ดอลลาร์ออสเตรเลีย สำหรับความจุ 16 GB และ 829 ดอลลาร์ออสเตรเลีย สำหรับความจุ 64 GB ครับ
เก็บตก
เมื่อมาดูผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายใหม่วันนี้แล้ว ก็ต้องมาดูสายของ Apple Watch ที่วางจำหน่ายใหม่เช่นกันครับ รับชมได้จากภาพด้านล่าง