True Money ประเมิน คนไทยต้องการซื้อสินค้าดิจิทัลสูง แต่มีบัตรเครดิตน้อย

by mk
1 April 2016 - 09:41

ช่วงนี้วงการ mobile payment ในบ้านเรากำลังร้อนแรง เมื่อวานเพิ่งมีข่าว Rabbit LINE Pay วันนี้ผู้เล่นรายใหญ่อีกรายคือ True Money ก็ออกมาประเมินสถิติการจ่ายเงินออนไลน์ในไทย ดังนี้

  • ผู้ใช้ Google Play 20 ล้านราย, App Store 16 ล้านราย
  • ผู้มีบัตรเครดิตใช้งาน 10 ล้านราย, ใช้งานธนาคารผ่านอินเทอร์เน็ต (iBanking) 8 ล้านราย, ผ่านมือถือ (mBanking) 1 ล้านราย

จากสภาพข้างต้น True Money มองว่าผู้บริโภคมีความต้องการซื้อสินค้าดิจิทัลสูง โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นชายอายุ 13-22 ปี ที่ต้องการซื้อไอเทมในเกม แต่ยังมีผู้บริโภคจำนวนมากที่เข้าไม่ถึงช่องทางการจ่ายเงิน (เช่น ยังไม่มีบัตรเครดิต) จึงถือเป็นโอกาสของ True Money ในการขยายธุรกิจกระเป๋าเงินดิจิทัล (e-wallet) กับผู้บริโภคกลุ่มนี้

True Money ยังพบว่าสภาพการณ์นี้เกิดขึ้นในประเทศ AEC อื่นๆ ที่เข้าไปเปิดบริการ (ตอนนี้มี 6 คือ ไทย พม่า กัมพูชา อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และเตรียมเปิดในลาวกับมาเลเซียเพิ่ม) โดยประเทศอาเซียนมีผู้ใช้บัตรเครดิตไม่ถึง 10% ของประชากร และผู้ใช้บริการธนาคารน้อยกว่า 80% ของจำนวนประชากร

ปัจจุบัน True Money มีผู้ใช้บริการ Wallet เป็นประจำที่ 800,000 ราย คาดว่าตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านรายภายในสิ้นปีนี้

ที่มา - อีเมลประชาสัมพันธ์

ทรูมันนี่ เผยตัวเลขผู้ใช้บัตรเครดิตในอาเซียนและในประเทศไทยมีจำนวนน้อย คิดเป็นสัดส่วนรวมต่ำกว่า 10% ของประชากร พร้อมเปิดพฤติกรรมผู้บริโภคนิยมสินค้าดิจิทัลและออนไลน์มากขึ้น เป็นโอกาสเติบโตของ e-Wallet เชื่อมั่นลูกค้าปีนี้เพิ่มถึง 2 ล้านราย

นายวิษณุ ศรีเจริญ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ บริษัท แอสเซนด์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า กลุ่มประเทศอาเซียนและประเทศไทย มีอัตราการใช้งาน e-Wallet เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะสามารถอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ในการซื้อสินค้าดิจิทัล เช่น แอพพลิเคชั่น บนแอพสโตร์ และกูเกิลเพลย์ รวมถึงช้อปสินค้าออนไลน์บน e-Commerce เนื่องจากสินค้าและบริการเหล่านี้จำเป็นต้องใช้บัตรเครดิต แต่จำนวนผู้ถือบัตรเครดิคิดเป็นสัดส่วนต่ำว่า 10% ของจำนวนประชากรในอาเซียนที่มีกว่า 600 ล้านคน ซึ่งในประเทศไทยมีจำนวนผู้ถือบัตรเครดิตเพียง 10 ล้านรายเท่านั้น

ดังนั้น สำหรับประเทศไทยซึ่งเป็นตลาดที่ผู้บริโภคมีความเข้าใจสินค้าประเภทนี้แล้ว จึงมีโอกาสเติบโตสูงมากในปีนี้ ประเมินจำนวนผู้ใช้งานเบื้องต้น พบว่า มีผูัใช้กูเกิลเพลย์ประมาณ 20 ล้านราย แอพสโตร์ประมาณ 16 ล้านราย แต่มีบัตรเครดิตประมาณ 10 ล้านราย ใช้งาน iBanking ประมาณ 8 ล้านราย และใช้งาน mBanking ประมาณ 1 ล้านราย ขณะที่ปัจจัยบวกที่มาเสริมตลาด ส่วนสำคัญคือนโยบายจากภาครัฐเรื่อง National e-Payment ที่ส่งเสริมให้เกิดการใช้งาน e-Wallet อย่างแพร่หลาย มีการสร้างความรู้ความเข้าใจ รวมถึงกระแส FinTech ที่มาแรงมากตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าตลาดรวมจะเติบโต และเป็นโอกาสที่ e-Wallet จะเติบโตขึ้นอีกมาก

ในส่วนของตลาดต่างประเทศที่ทรูมันนี่มีแผนรุกไปยังประเทศในกลุ่ม AEC ได้เปิดบริการแล้ว 6 ประเทศ คือ ไทย, พม่า, กัมพูชา, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, เวียดนาม และมีแผนจะเปิดอีก 2 ประเทศในปีนี้ คือ ลาว และ มาเลเซีย ซึ่งด้วยตัวเลขผู้ใช้บัตรเครดิตที่ต่ำกว่า 10% ของประชากร และตัวเลขผู้ใช้บริการธนาคาร (รวมบริการบัญชีธนาคาร, การลงทุน และประกัน) ที่ต่ำกว่า 80% ของจำนวนประชากร เป็นโอกาสในการรุกตลาดของทรูมันนี่ด้วยเช่นเดียวกัน

นายอภินันท์ ดาบเพ็ชร ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด กล่าวว่า จากการสำรวจพฤติกรรมคนไทยพบว่า กลุ่มคนที่นิยมซื้อสินค้าดิจิทัลสูงที่สุด เป็นกลุ่มเด็กนักเรียน วัยรุ่น และวัยเริ่มต้นทำงาน เพศชาย อายุ 13-22 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่ยังไม่มีบัตรเครดิต แต่นิยมซื้อแอพพลิเคชั่นต่างๆ บนออนไลน์ มีความถี่ในการซื้อเฉลี่ย 4 ครั้งต่อคนต่อเดือน และส่วนใหญ่จะซื้อแอพพลิเคชั่นเกม และไอเทมในเกม (in-app purchase) ในราคาประมาณ 3-5 เหรียญ หรือ 100-180 บาท ทรูมันนี่ วอลเล็ต จึงเข้ามาตอบโจทย์ในส่วนนี้ เพราะสามารถใช้กระเป๋าเงินทรูมันนี่ วอลเล็ต ในการผูกบัญชีแทนบัตรเครดิตได้ ไม่ว่าจะเป็น การซื้อแอพพลิเคชั่นบนแอพสโตร์หรือกูเกิลเพลย์ การซื้อสินค้าในเว็บไซต์ การผูกบัญชีทรูมันนี่ วอลเล็ตเข้ากับบัญชี PayPal ซึ่งนอกจากจะเป็นการเพิ่มช่องทางการชำระเงินที่ให้กับผู้ที่ไม่มีบัตรเครดิตแล้ว ระบบยังมีความปลอดภัย ที่สามารถสั่งเปิด-ปิดการใช้งานบัญชีทรูมันนี่ได้อย่างง่ายดาย และสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ เพราะเงินจะถูกลิมิตให้ใช้ตามจำนวนที่เติมเข้าไปในบัญชีทรูมันนี่ วอลเล็ตเท่านั้น​

​"​ในปีนี้ ทรูมันนี่ วอลเล็ต จะขยายบริการให้ครอบคลุมในทุกกลุ่มลูกค้ามากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเกมเมอร์ ซึ่งเป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่ของทรูมันนี่ จะมีการจัดแคมเปญและโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนนี้ ได้จัดโปรโมชั่น Cash Back ให้ลูกค้าที่ซื้อรหัสบัตรเงินสด ผ่านทรูมันนี่ วอลเล็ต ได้รับเงินคืนกลับสูงถึง 3% ทุกรายการ และจัดแคมเปญต่อเนื่องในเดือนพฤษภาคมด้วยแคมเปญซื้อแอพในราคาบาทเดียว รวมถึงให้ลูกค้าสามารถซื้อเกมบนสตรีมได้อีกด้วย ด้วยบริการที่ครบวงจร สามารถตอบโจทย์ให้กับลูกค้าทุกกลุ่ม มีความสะดวกสบายสามารถใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา ทำให้มั่นใจได้ว่าจะมีลูกค้าเข้ามาใช้งานทรูมันนี่ วอลเล็ต จากปัจจุบันมียอดผู้ใช้งานประจำกว่า 8 แสนราย เพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านรายภายในสิ้นปีนี้อย่างแน่นอน” นายอภินันท์ กล่าวสรุป

Blognone Jobs Premium