วันนี้ไมโครซอฟท์ประเทศไทยได้จัดงาน Thailand Developer Day โดยได้รับเกียรติจาก Satya Nadella มากล่าวสุนทรพจน์สั้นๆ โดยซีอีโอของไมโครซอฟท์ ยังคงเน้นย้ำถึงวิสัยทัศน์ของบริษัท ในการเป็นกำลัง (empowering) ให้กับทุกคนและทุกองค์กร สามารถบรรลุเป้าหมายและประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น โดยมีไมโครซอฟท์เป็นตัวกลางที่คอยสร้างสรรค์เทคโนโลยี
โดย Mobile-First Cloud-First ยังคงเป็นวิสัยทัศน์หลักของบริษัท โดยโมบายล์เป็นเครื่องมือที่ทำให้ประสบการณ์การติดต่อสื่อสารและคอมพิวติ้งเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ขณะที่คลาวด์ก็เข้ามาเปลี่ยนแปลงวงการดาต้าทั้งหมด และทั้งสองอย่างนี้เชื่อมโยงอย่างตัดไม่ขาด
ซีอีโอไมโครซอท์กล่าวด้วยว่า เป้าหมายอย่างหนึ่งของบริษัทคือการสร้าง Intelligent Cloud Platform ให้เป็นเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาในการเขียนหรือพัฒนาแอพพลิเคชันบนแพลตฟอร์มใดๆ ก็ได้ผ่านคลาวด์ ทั้งโมบายล์, เว็บ, IoT และ Software as a Service (Saas)
นอกจากนี้ยังมีอีกแพลตฟอร์มที่เป็นเหมือนเป้าหมายใหม่ของไมโครซอฟท์คือ Conversations as a Platform ที่ไมโครซอฟท์มองว่าการพูดและการสื่อสาร จะกลายเป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและศักยภาพด้านอื่นๆ รวมถึงจะเปลี่ยนแปลงอินเทอร์เฟสและการใช้งานของแอพพลิเคชันในอนาคต โดยแพลตฟอร์มนี้ถูกแบ่งออกเป็น People (ผ่าน Skype), Digital Assistants (ผ่าน Cortana) และ Bots (ผ่าน Microsoft Bot Framework)
Nadella ยังได้พูดถึงเทคโนโลยี Augmented Reality ที่ช่วยเชื่อมโยงโลกอนาล็อกเข้ากับวัตถุในโลกดิจิทัล (Digital Artifact) กลายเป็น Mixed Reality ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งอินเทอร์เฟสหรือพาราไดม์ (Paradigm) ใหม่ในการติดต่อระหว่างมนุษย์กับคอมพิวเตอร์
ซีอีโอไมโครซอฟท์ปิดท้ายด้วยการกล่าวถึงการทำงานระหว่างไมโครซอฟท์และองค์กรไม่แสวงหากำไรในประเทศไทย เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนในพื้นที่ห่างไกล ได้เข้าถึงการศึกษาด้านเทคโนโลยีและภาษาอังกฤษมากยิ่งขึ้น ที่เริ่มดำเนินการไปแล้ว ซึ่งสิ่งเหล่านี้ Nadella เชื่อว่าจะช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตเด็กๆ ไปได้ค่อนข้างมาก
ทั้งนี้ Satya Nadella เกริ่นก่อนเข้าคีย์โน้ตด้วยว่าตอนเด็กๆ ตัวเขาเองก็เคยอาศัยอยู่ในประเทศไทยถึง 5 ปีและได้รับคอมพิวเตอร์เครื่องแรกจากคุณพ่อในประเทศไทยด้วย