อ้างอิงจากบทสัมภาษณ์ผู้ร่วมก่อตั้ง CD Projekt นาย Marcin Iwinski ดูเหมือนว่าทางบริษัทไม่ได้กำลังคิดหรือวางแผนที่จะทำ Witcher ภาคต่อไปแม้แต่น้อย
มีคำถามถามมายังทางสตูดิโอว่าจะไม่ทำซีรี่ย์ The Witcher ต่อแล้วหรือ แล้วในอนาคตมีโอกาสที่จะกลับมาทำอีกไหม คำตอบที่ได้รับคือ “พวกเราไม่รู้จริง ๆ ว่าจะมีโอกาสได้กลับมาทำ Witcher อีกหรือเปล่า แม้แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีแผนที่จะทำสิ่งที่จะเรียกได้ว่าเป็นภาคต่อของ Witcher”
“อย่างที่ได้กล่าวไว้ ผมไม่ได้พูดว่าไม่มีทางแต่ว่าตอนนี้มีแค่ภาค Blood and Wine เท่านั้น จบแค่นั้น ไม่มีการวางแผนสำหรับภาคต่อแน่นอน และถึงมีก็ไม่ใช่ภายในเร็ว ๆ นี้ ถ้ามีภาคต่อผมเองก็อยากรอดูความรู้สึกของแฟน ๆ เสียก่อน พวกเขาจะรู้สึกพึงพอใจมากแค่ไหน”
CD Projekt เมื่อเร็ว ๆ นี้ได้ประกาศวางแผนที่จะปล่อยเกม Cyberpunk 2077 ในระยะหนึ่งหลังจากปี 2017 และเกม RPG ระดับ ทริปเปิ้ลเอ ภายในระหว่างปี 2017 และ 2021 มีผู้คนจำนวนมากคิดว่าเกมทริปเปิ้ลเอดังกล่าวจะเป็น Witcher 4 แต่ Iwinski ได้ตอบปฏิเสธไปแล้วว่าไม่ใช่แน่นอน
“พวกเราคือบริษัทมหาชน ดังนั้นจึงไม่อาจตอบคำถามนั้นได้ว่าเป็นเกมอะไร แต่ผมรับประกันได้เลยว่าพวกเราไม่ได้ทำเกม Witcher แน่นอน”
ถ้าเกมทริปเปิ้ลเอปริศนานั่นไม่ใช่ Witcher แล้วมันคือเกมอะไรละ? ก็เป็นสิ่งที่พวกเราคงต้องเก็บมาคิด
ลองย้อนกลับมาดูที่เกม Witcher 3 ซึ่งออกมาเมื่อปีที่แล้วและสามารถสร้างยอดขายได้อย่างถล่มทลายเป็นจำนวนกว่า 20 ล้าน แผ่น ความเห็นของ Iwinski ที่มีต่อตัวเกมของเขาเองนั้นได้กล่าวไว้ดังนี้
“ผมถูกถามบ่อยครั้งว่าเกมได้ประสบความสำเร็จตามที่คาดหวังไว้หรือไม่” “และผมก็ตอบด้วยคำตอบเดิมทุกครั้ง เราไม่สามารถที่จะคาดหวังแบบนั้นกับเกมที่กำลังพัฒนาได้ ถ้ายังสติยังดีอยู่ ใครจะไปคิดได้ละว่าเกมที่กำลังพัฒนาอยู่นั้นจะได้รางวัลเกมยอดเยี่ยมแห่งปีถึง 250 กว่ารางวัลด้วยกัน”
ความคิดเห็นของผู้เล่นต่างหากที่เขาให้ความสำคัญกับมัน Iwinski ได้กล่าวไว้
“เกมที่ยอดเยี่ยม ผู้ที่จะตัดสินมันคือผู้เล่นต่างหาก และบังเอิญที่เกมดันตอบสนองความต้องการของผู้เล่นได้ดี ได้ดีจนเกินไปด้วยซ้ำ” “สิ่งที่เกิดความคาดหวังของผมคือ มันบังเอิญตอบสนองต่อความต้องการของผู้เล่นแทบทุกมุมโลก ซึ่งยอดขายสามารถบ่งบอกผลลัพธ์ได้อย่างดี ที่เกมเมอร์ทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นใน โปแลน สหรัฐอเมริกา แถบตะวันออกกลาง หรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต่างซื้อเกม และเกมไม่ใช่ว่าจะราคาถูก ๆ และเป็นราคาเดียวกันทั่วโลกเสียด้วย”
“จนถึงตอนนี้เกม Witcher ได้ก้าวข้ามความคาดหวังของพวกเราทุกคน แต่พวกเราไม่ได้คาดคิดไว้ว่าจะสำเร็จถึงขนาดนี้ เพราะนี่ไม่ใช่สิ่งที่สามารถวางแผนให้เกิดขึ้นได้ เป็นแค่ความบังเอิญเท่านั้น เวลาคุณวางแผนอะไรบางอย่างมันมีแค่จะไปได้ดีหรือดับไปเท่านั้น ซึ่งมันก็เป็นไปได้ด้วยดีกว่าที่พวกเราคาดคิดไว้มาก และมันทำให้พวกเราดีใจมากด้วยเช่นกัน”
ทาง CD Projekt Red ได้ปล่อยตัว DLC ให้ดาวน์โหลดได้ฟรีก่อนจะปล่อยตัวภาคเสริม Hearts of Stone ซึ่งถูกตามมาด้วย Blood and Wine ภายในสิ้นเดือนนี้ แต่หลังจากนั้นจะไม่มีอะไรใหม่อีกแล้ว แค่ปรับปรุงแก้ไขเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น
“สิ่งที่สำคัญสำหรับ Blood and Wine คือมันไม่ใช่แค่ภาคเสริมที่ทำให้สตูดิโอนอกเพื่อหารายได้เพิ่มเท่านั้น” Iwinski กล่าวต่อ “และผมจะไม่ตำหนิต่อการกระทำคั้งนี้ ผมแค่อยากพิสูจน์ให้เห็นว่า พวกเราได้ทุ่มเททั้งกายและใจและความรู้ความสามารถทั้งหมดลงไปในภาคเสริมนี้ บทเรียนและข้อผิดพลาดที่เราได้เรียนรู้จาก Witcher 3 และ Hearts of Stone ได้ถูกแก้ไขลงไปใน Blood and Wine เป็นที่เรียบร้อยแล้ว”
“แน่นอนว่าด้วยความที่เป็นภาคเสริม อาจจะถูกใจกลุ่มเป้าหมายที่แคบลง แต่กระนั้น ผมยังคงคิดว่ามันได้พิสูจน์ถึงสิ่งที่เราอยากจะทำจริง ๆ นั่นคือการสร้างเกม RPG ที่บอกเล่าเรื่องราวที่ยอดเยี่ยม ซึ่ง Blood and Wine นั้นก็เป็นส่วนช่วยในการเติมเต็มความยอดเยี่ยมให้แก่ The Witcher 3”
หลักจากภาค Blood and Wine จบลงไปแล้ว ทางสตูดิโอจะมุ่งเน้นไปที่เกม Cyberpunk 2077 ซึ่งได้มีทีมหลักคอยทำเกมนี้มาเป็นเวลากว่าหลายปีแล้ว เป้าหมายในระยะยาวของสตูดิโอคือมีทีมสร้างเกมทั้งหมด 4 ทีมภายใน CD Projekt Red เป็นทีมใหญ่ 2 ทีม และทีมเล็กอีก 2 ทีม
นอกจากนี้ทางสตูดิโอยังมีแผนการอื่นภายในปีนี้ “เกมแนวใหม่ที่ทางสตูดิโอไม่เคยสัมผัสมาก่อน” อ้างอิงจากแผนการ 6 ปี แล้ว เกมแนวใหม่ที่ว่านั้นจะเป็นอย่างไรนั้นเราไม่มีทางรู้ได้และทาง Iwinski คงไม่ยอมบอกง่าย ๆ เช่นกัน
เมื่อดูจากแนวทางและความแน่วแน่ในการทำเกมรวมถึงความสำเร็จของเกมก่อนหน้าแล้ว อาจเรียกได้ว่าเกมต่อไปที่ทางสตูดิโอ Projekt Red ทำนั้น ย่อมต้องถูกจับตามองเป็นเรื่องธรรมดา ด้วยผลงานชิ้นโบว์แดงอันก่อนหน้าคงทำให้ชาวเกมเมอร์ตื่นเต้นไม่น้อยในการรอคอยเกมใหม่ที่กำลังจะมาของ Projekt Red
ที่มา - Eurogamer