Project Soli หนึ่งในโครงการน่าทึ่งของ ATAP ที่ใช้เซ็นเซอร์เรดาร์ตรวจการเคลื่อนไหวของนิ้วมือเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ ได้รับการเปิดตัวเป็นครั้งแรกในงาน Google I/O 2015 ผ่านมา 1 ปี ในงาน Google I/O 2016 ที่เพิ่งจัดไปเมื่อสัปดาห์ก่อน Google ก็มีข่าวคราวความคืบหน้าของโครงการนี้มานำเสนอ
ความก้าวหน้าสำคัญของ Project Soli ถึงตอนนี้คือการลดการใช้พลังงาน รวมทั้งลดขนาดฮาร์ดแวร์และโค้ดที่ต้องใช้ควบคู่กัน จากแต่เดิมที่ชิปและเซ็นเซอร์ของ Project Soli ต้องเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะตลอดเวลา ตอนนี้มันใช้พลังงานน้อยลงโดยกินไฟแค่ 0.054 วัตต์ จากแต่เดิมที่เคยกินไฟ 1.2 วัตต์ (ลดลงเหลือแค่ 1/22 เท่าจากของเดิม) ส่วนโค้ดที่ใช้งานก็ถูกปรับให้มีขนาดเล็กลงเหลือ 1/256 เท่าจากของเดิม แต่การทำงานของเซ็นเซอร์เรดาร์ก็ยังคงทำงานด้วยความถี่ 18,000 FPS ไวเกินพอที่จะรับรู้ได้ทุกการเคลื่อนไหวปลายนิ้วในระยะตรวจจับของมัน
ด้วยการใช้พลังงานที่ลดลงและใช้โค้ดที่มีขนาดเล็กลง ทำให้อุปกรณ์ Project Soli ไม่ต้องง้อคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะอีกต่อไป ส่วนโค้ดก็สามารถรันบนชิปสำหรับอุปกรณ์พกพาอย่าง Qualcomm Snapdragon 400 หรือ Intel Atom ได้ ผลลัพธ์จึงหมายถึงความเป็นไปได้ในการยัดชุดอุปกรณ์ Project Soli ทั้งหมดลงในอุปกรณ์พกพา
บนเวที Google I/O 2016 ก็มีการสาธิต Project Soli ด้วยการใช้นิ้วและมือออกท่าทางเพื่อควบคุมการทำงานของนาฬิกาข้อมือและลำโพง ซึ่งงานนี้ Google ได้ LG และ JBL มาเป็นแนวร่วมในการพัฒนาอุปกรณ์
เว็บไซต์ The Verge เองก็ได้มีโอกาสบุกไปสำรวจสำนักงานของ ATAP และลองเล่นนาฬิกา LG Urbane ที่มีชิป Project Soli ฝังในตัวเรือน กับลำโพง JBL ตัวที่มีชิป Project Soli ติดตั้งอยู่ภายในเช่นกัน ในส่วนของนาฬิกา LG Urbane นั้น เพียงเลื่อนมือเข้าไปใกล้ก็จะเป็นการเรียกหน้าจอเมนูขึ้นมา และด้วยการขยับนิ้วเพียงเล็กน้อยก็สามารถสลับเมนูต่างๆ และเลือกแอพหรือคำสั่งได้โดยไม่ต้องสัมผัสจอของนาฬิกาโดยตรง ส่วนลำโพงนั้นก็ใช้การเคลื่อนมือเข้าใกล้เพื่อปลุกลำโพงให้ใช้งานและใช้การดีดนิ้วเพื่อเปิดลำโพงให้ปล่อยเสียงได้
นอกจากนี้ Google ยังได้เผยแพร่คลิปแสดงการสาธิตการใช้เทคโนโลยี Project Soli อีกหลากหลายแนวทาง โดย Google ได้คัดเลือกผลงานบางส่วนจากผลงานของนักพัฒนา 180 รายการมานำเสนอ อาทิ
ทาง Google เองเตรียมจะออกชุดพัฒนา Project Soli รุ่นใหม่ในช่วงปลายปีนี้