รีวิว TAG Heuer Connected สมาร์ทวอทช์รัน Android Wear ที่หรูและแพงสุด ณ เวลานี้

by BlackMiracle
30 May 2016 - 13:19

เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา ผู้ผลิตนาฬิกาหรูจากสวิตเซอร์แลนด์ TAG Heuer ได้เข้าร่วมตลาดนาฬิกาอัจฉริยะด้วย โดยการเปิดตัว TAG Heuer Connected ใช้ซีพียู Intel Atom และรันระบบปฏิบัติการ Android Wear ของกูเกิล สนนราคา 1,500 ดอลลาร์สหรัฐ มาพร้อมกับสิทธิ์เปลี่ยนตัวเครื่องเป็นนาฬิกากลไกแบบปกติหลังใช้งานไปแล้ว 2 ปี ในราคา 1,500 ดอลลาร์สหรัฐเช่นกัน

เมื่อเดือนที่แล้วเพื่อนผมไปเที่ยวญี่ปุ่น และได้ซื้อเจ้า Connected กลับมาใช้งานด้วย (เห็นว่าทำ tax refund แล้วเหลือประมาณ 49,000 บาท) ผมจึงขอยืมมาลองเล่นเป็นเวลา 1 วัน และพยายามเขียนรีวิวนี้ให้มีรายละเอียดมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยได้ลองใช้งานตั้งแต่วันแรกที่เพื่อนกลับมา แต่เนื่องด้วยติดภารกิจหลายอย่าง จึงเพิ่งจะได้เขียนตอนนี้ครับ

ฮาร์ดแวร์

บรรจุภัณฑ์ของ Connected มีหลายชั้นมาก นอกสุดเป็นปลอกกระดาษสีน้ำเงิน เลื่อนออกมาจะเจอกล่องกระดาษแข็งสีเงินมีลายจุดสีเทาครอบอยู่

เมื่อยกออกก็จะมาถึงกล่องกระดาษแข็งสีน้ำเงินอีกชั้น มีฝาเปิดออกด้านหน้าได้ และชั้นในสุดเป็นหีบพลาสติกสีน้ำเงินแบบโปร่งแสง บนฝามีลวดลายฟันเฟืองนาฬิกา เปิดออกมาจะเจอตัวนาฬิกาเลย

สิ่งแรกที่รู้สึกได้ทันทีที่หยิบนาฬิกาขึ้นมา คือน้ำหนักครับ ผมพบว่ามันเบามาก แม้ขนาดตัวจะดูหนาและหนักตามสไตล์นาฬิกาผู้ชาย (ตามสเปกหนักเพียง 52 กรัมเท่านั้น)

ต่อไปจะเป็นรูปถ่ายรอบๆ ตัวนาฬิกาอย่างละเอียดนะครับ เพราะผมคิดว่าของระดับนี้สมควรถูก “สำรวจ” อย่างทั่วถึงครับ

รอบหน้าปัดเป็นสีดำ มีเลข 10, 15, 20 ไปจนถึง 55 และบริเวณ 1 นาฬิกา มีคำว่า TAG Heuer Connected กำกับอยู่

ด้านล่างใต้เลข 30 มีวลี Swiss Engineered (ไม่สามารถใช้วลี Swiss Made ได้ เพราะไม่ได้ผลิตในประเทศสวิตเซอร์แลนด์)

ด้านข้าง พร้อมรูไมโครโฟน ตามสเปกบอกว่าหนา 12.8 มม.

ฝาหลังเป็นพลาสติกสีดำ มีจุดสัมผัสสำหรับชาร์จไฟอยู่ริมด้านบน

สายเป็นสายยาง หากซื้อออนไลน์จะซื้อได้แค่สายสีดำอย่างเดียว แต่หากซื้อที่ร้านจะมีสีแดง, น้ำเงิน. ขาว, เหลือง, เขียว และส้มให้เลือกครับ

ตัวล็อคสายเป็นไทเทเนียม ปั้มโลโก้ TAG Heuer

อีกฝั่งเป็นตัวปรับความยาวของสาย เมื่อปลดล็อคออกมาแล้วให้เลื่อนสายเข้าออกตามความต้องการ

เม็ดมะยม กดได้ 1 จังหวะ หมุนไม่ได้

หน้าตาแท่นชาร์จ เป็นแบบประกบนาฬิกาเข้าไป แล้วแม่เหล็กจะดูดเอง

ประกบแล้วได้แบบนี้ ผมพบว่าการชาร์จแบบนี้เป็นข้อเสียอย่างมาก ต้องใช้สองมือ มือหนึ่งจับนาฬิกา อีกมือจับแท่นชาร์จ แล้วประกบเข้าด้วยกัน ไม่สะดวกเอามากๆ และแม่เหล็กไม่ได้ดูดเข้าล็อคง่ายขนาดนั้น ต้องเล็งให้ตรงจริงๆ ถึงจะชาร์จได้ หากดูการชาร์จแบบ Moto 360 มันง่ายกว่ามาก เป็นการวางนาฬิกาตามธรรมชาติของมนุษย์ที่ควรจะเป็น

เสียบสายเข้าไปแบบนี้

หน้าจอตอนชาร์จ

ซอฟต์แวร์

เมื่อกดปุ่มด้านข้างเพื่อเปิดเครื่อง หน้าจอแรกที่เห็นคือวงกลมสีฟ้าหมุนๆ

ตามมาด้วยรูปโลโก้ของ TAG Heuer

จากนั้นเป็นหน้าจอบูตของกูเกิลเหมือนในสมาร์ทโฟน

เมื่อบูตเสร็จ มีหน้าจอต้อนรับขึ้นมา เปลี่ยนภาษาไปเรื่อยๆ และรองรับภาษาไทยเต็มรูปแบบครับ

หน้าจอเลือกภาษา ยืนยันอีกครั้งว่ามีภาษาไทยให้เลือกใช้

จากนั้นจะเป็นการเซ็ทอัพเพื่อการใช้งานครั้งแรก ผู้ใช้ต้องดาวน์โหลดแอพ Android Wear มาติดตั้ง แล้วเริ่มจับคู่กับนาฬิกาผ่านแอพนั้น

หน้าจอนาฬิกาจะแสดงชื่อของตัวเอง

มาที่มือถือ ผู้ใช้ก็เริ่มการจับคู่ในแอพ

ยอมส่งข้อมูลจากแอพ Google Fit และยอมรับเงื่อนไขอื่นๆ

แอพจะสแกนหาอุปกรณ์ใกล้ๆ (ดันเจอทีวีผมด้วย)

กดที่ชื่อนาฬิกาแล้วเริ่มการจับคู่ ตอนนี้ที่นาฬิกาจะเข้าสู่การจับคู่เหมือนกัน

ตอนนี้มือถือเราจะเริ่มส่งแอพที่รองรับการใช้งานบนนาฬิกาเข้ามา เช่น Hangouts, Google Keep, Foursquare ฯลฯ ใช้เวลาค่อนข้างนาน

ระหว่างรอ ที่มือถือจะมี tutorial เล็กๆ ให้เราดู เมื่อเสร็จสิ้นก็จะเข้าสู่หน้าจอหลักของแอพ Android Wear ตามภาพถัดไป

จากแอพนี้สามารถดูพื้นที่เก็บข้อมูลที่เหลืออยู่บนตัวนาฬิกา และข้อมูลแบตเตอรี่ได้ด้วย โดยตามสเปกระบุว่ามีพื้นที่ 4GB แต่เอาเข้าจริงมีให้ใช้ราว 2.32GB ครับ

เมื่อไม่ได้ใช้งาน นาฬิกาจะเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงาน หรือที่บางคนเรียกว่า Ambient mode เป็นการแสดงผลแบบขาวดำ และไม่มีแอนิเมชันใดๆ หน้าจอนี้จะติดอยู่ตลอด (เลือกปิดได้เพื่อประหยัดพลังงาน)

หากยกข้อมือขึ้นมาดูเวลา นาฬิกาจะปรับการแสดงผลเข้าสู่โหมดปกติ ดังนี้

เมื่อมีการแจ้งเตือนเข้ามาที่โทรศัพท์ ตัวนาฬิกาก็จะแจ้งเตือนผู้ใช้ด้วยเช่นกัน หากการแจ้งเตือนนั้นเป็นการแชท เช่น Hangouts หรือ LINE ผู้ใช้สามารถปัดไปทางซ้ายแล้วเลือก Reply ได้ และพูดตอบเข้าไปครับ

ตัวอย่างการแจ้งเตือนจากแอพ Slack

แน่นอนว่า Google Now เป็นสิ่งสำคัญในการใช้งานเจ้า Connected ซึ่งผู้ใช้สามารถเข้าดู Now Cards ได้จากนาฬิกาโดยตรง เช่นกำหนดการ และผลการแข่งขันกีฬา

หน้านี้เป็นรายการทั้งหมดของ Now Cards ซึ่งผู้ใช้กดเข้าไปดูรายละเอียดได้

กำหนดการแข่งขันกีฬา

ผลการแข่งขันกีฬาที่ผ่านไปแล้ว

แอพสำคัญอีกแอพหนึ่งคือ Google Maps ผู้ใช้สามารถพูด OK, Google แล้วสั่งนำทางไปยังสถานที่ใดๆ ได้ทันที นาฬิกาจะเข้าแอพ, ค้นหาสัญญาณ GPS, โหลดแผนที่ และเริ่มนำทางจากจุดปัจจุบันทันที

ผมทดสอบแล้ว ตั้งแต่เริ่มพูด OK, Google ไปจนถึงการเริ่มนำทาง ใช้เวลาไปราว 25 วินาทีเท่านั้น ถือว่าเร็วมากน่าประทับใจ

นอกจากนี้ใน Google Maps ยังมีการปรับการแสดงผลเป็นแบบขาวดำ และลดรายละเอียดลง เพื่อประหยัดพลังงานครับ

อันนี้เป็นหน้าจอธรรมดา ขณะใช้งาน

เมื่อทิ้งไว้สักครู่ นาฬิกาจะปรับโหมดการแสดงผลอัตโนมัติเป็นสีขาวดำ

ส่วนแอพ Google Translate ก็ได้ทดสอบเช่นกัน มีฟีเจอร์พื้นฐานคือการพูดเป็นภาษาหนึ่งแล้วแปลออกมาเป็นภาษาหนึ่ง เช่นหากผู้ใช้เลือกแปลไปมาระหว่างภาษาอังกฤษและเยอรมัน นาฬิกาจะฟังทั้งสองภาษาพร้อมๆ กันไปเลย

หน้าจอแอพ Google Translate

มาถึงฟีเจอร์สุดท้ายที่ได้ลอง คือการสั่งงานผ่านคำสั่งเสียง OK, Google ครับ ผมได้ลองสองคำสั่งคือสั่งตั้งเวลานับถอยหลัง และสั่งส่งข้อความผ่านแอพ Telegram ครับ ถ่ายวิดีโอมา

สรุป

TAG Heuer ทำสมาร์ทวอทช์ตัวแรกของบริษัทออกมาได้ดีมาก นับว่าเป็นการปรับตัวต่อตลาดที่รวดเร็วพอสมควรสำหรับบริษัทขนาดใหญ่และเก่าแก่ ตัวฮาร์ดแวร์ทำออกมาได้เนี้ยบสมราคาและแบรนด์ มีการใช้วัสดุหลากหลาย และใส่ใจรายละเอียดในทุกจุด เท่าที่ได้ใช้งานก็ใช้งานได้ดี ไม่มีอาการช้าหรือกระตุกใดๆ มีข้อติเพียงข้อเดียวคือการชาร์จไฟเท่านั้นที่น่าจะออกแบบได้ดีกว่านี้

หมายเหตุ: เนื่องจากได้ทดลองใช้งานเพียงวันเดียว จึงไม่สามารถบอกอายุแบตเตอรี่ในการใช้งานปกติได้ เพราะเล่นตลอดเวลา แบตเตอรี่ก็ลดลงเร็วอยู่เหมือนกัน คิดว่าการใช้งานจริงต้องชาร์จวันต่อวันครับ

Blognone Jobs Premium