ช่วงที่ผ่านมาเราอาจจะคุ้นเคยกับ Chromebook ในฐานะโน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์ราคาถูก แต่ในช่วงหลังเราจะเริ่มเห็น Chromebook หรือคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Chrome OS แบบใหม่ๆ ออกมามากขึ้น หนึ่งในนั้นคือ ASUS Chromebook Flip ที่เปิดตัวไปเมื่อเมษายนปีที่แล้วและวางจำหน่ายช่วงเดือนมิถุนายนของปีเดียวกัน โดยถือเป็นหนึ่งในโน้ตบุ๊กสาย 2-in-1 หรือ convertible รุ่นแรกๆ ของ Chromebook ซึ่งเราจะรีวิวกันในวันนี้ครับ
คุณสมบัติทั่วไปของเครื่องและแกะกล่อง
Chromebook Flip มีสเปกโดยทั่วไปแทบไม่ต่างจาก Chromebit เพียงแต่ว่าอยู่ในรูปแบบของคอมพิวเตอร์ที่มาพร้อมกับหน้าจอซึ่งพับได้แบบ 360 องศา เอาไว้ใช้เป็นแท็บเล็ตจอสัมผัสได้เป็นครั้งคราว (แนวทางเดียวกับ Lenovo Yoga หรือ HP Spectre X360) ส่วนสเปกของเครื่องมีดังต่อไปนี้
ตัวกล่องเครื่องถือว่าทำออกมาได้เรียบง่าย เมื่อเปิดแล้วจะเหมือนกับการยกฝากล่องเปิดของ ภายในจะเห็นเครื่องใส่ในซองกระดาษสีขาววางอยู่ในกล่องเรียบร้อย ในกล่องบรรจุแต่เพียงตัวเครื่อง ที่ชาร์จ และคู่มือบางๆ 2 เล่มเท่านั้น
แม้จะเป็นเพียง Chromebook แต่สิ่งที่ทำให้ Chromebook Flip เครื่องนี้โดดเด่นเป็นพิเศษ คือการใช้วัสดุของตัวเครื่องที่เป็นอะลูมิเนียม ทำให้ดูมีราคาแพงกว่าค่าตัวที่ 269 ดอลลาร์สหรัฐไปมากโข และให้สัมผัสเหมือนกับการใช้คอมพิวเตอร์ในระดับดีๆ เครื่องหนึ่ง อย่างไรก็ตามจุดด้อยกลับมาตกอยู่ที่แป้นพิมพ์ ที่ถึงแม้ตัวแป้นจะมีการยุบรองรับน้ำหนักและให้สัมผัสการพิมพ์ที่ดี ทว่าแป้นแต่ละตัวอักษรนั้นเล็กมาก จนอาจทำให้พิมพ์พลาดได้ครับ (ผมต้องก้มมองดูแป้นบ่อยๆ เมื่อใช้ Chromebook ตัวนี้)
ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีช่องสำหรับเสียบสายชาร์จ, ไฟแสดงแบตเตอรี่และการทำงานของเครื่อง ปุ่มปรับเสียง และปุ่มเปิดเครื่อง ซึ่งในตอนใช้งานจริง ถ้าเครื่องปิดฝาอยู่ แค่เปิดฝาออกมาเครื่องก็ติดทันที ดังนั้นปุ่มปิดเครื่องจึงใช้งานน้อยมากครับ ส่วนด้านขวามีพอร์ต Micro HDMI, USB 2.0 2 ช่อง, ช่องสำหรับ microSD และช่องหูฟังขนาด 3.5 มม. ด้านล่างเครื่องมีแค่ลำโพงกับข้อมูลบอกเกี่ยวกับเครื่องเท่านั้นครับ
สิ่งสำคัญของ Chromebook Flip ตัวนี้ ก็คงเป็นเรื่องของ "ท่า" ต่างๆ ที่สามารถปรับหน้าจอให้กลายเป็นแท็บเล็ตเพื่อใช้เป็นครั้งคราวได้ หรือจะใช้เพื่อดูหนังอย่างเดียวในสถานที่แคบๆ อย่างบนเครื่องบินก็ได้เช่นกัน
ประเด็นที่ควรเป็นข้อพิจารณานอกเหนือไปจากแป้นพิมพ์แล้ว ยังเป็นเรื่องของหน้าจอกระจกที่สะท้อนแสงมากอย่างร้ายกาจ แม้จะปรับแสงจากหน้าจอแข่งได้ แต่ก็พบว่าในสถานการณ์ที่แสงจัดมากๆ ก็ยังสู้ไม่ค่อยจะไหว อีกอย่างคือหน้าจอหากใช้งานเป็นโน้ตบุ๊กปกติ อาจจะถือว่าพอรับได้ แต่ถ้าใช้เป็นแท็บเล็ตแล้ว ถือว่ายังมีความละเอียดต่ำไปหน่อย (ว่าง่ายๆ คือหน้าจอแสดงผลได้ค่อนข้างหยาบนั่นเอง) รวมถึงในบางครั้งเครื่องมีอาการ ghost touch ซึ่งแก้ด้วยการปิดหน้าจอลงมาสัก 2-3 วินาที แล้วเปิดหน้าจอขึ้นมาใหม่ครับ (นานๆ จะเกิดที)
Chrome OS บน 2-in-1
ตามปกติแล้ว รีวิวของ Chromebook ผมมักจะไม่ค่อยเขียนถึงในส่วนของระบบปฏิบัติการมากนัก แต่มาครั้งนี้ที่ Chromebook มาในรูปแบบ 2-in-1 ผมจึงขอรีวิวความแตกต่างจากรุ่นปกติสักเล็กน้อยครับ
ถ้าหากกล่าวว่า Windows 10 มีคุณสมบัติ Continuum ที่ทำให้คอมพิวเตอร์รับรู้ว่าขณะนี้ใช้งานในโหมดแท็บเล็ตหรือโน้ตบุ๊ก และปรับระบบปฏิบัติการไปได้ Chrome OS ก็มีคุณสมบัติเช่นว่านี้ด้วย โดยในกรณีของ Chromebook Flip เมื่อเริ่มหักหน้าจอลงเกินแนวระนาบ 180 องศากับตัวเครื่อง โหมดดังกล่าวจะทำงานทันที โดย Task Switcher (ตัวเลือกหน้าจอแอพที่กำลังทำงานอยู่ คล้ายกับการกดปุ่ม Alt+Tab บน Windows) จะไปแสดงตัวอยู่ตรง shelf มุมขวาล่างแทน รวมถึงเคอร์เซอร์ของเมาส์ก็จะหายไป
นอกจากนั้นแล้ว หน้าจอที่แสดงผลต่างๆ ก็จะถูกปรับขนาดให้ใหญ่เต็มหน้าจอ เหมาะสมกับการใช้งานแบบแท็บเล็ตด้วยเช่นกัน
เผื่อใครไม่เห็นภาพ ผมมีคลิปวิดีโอ 3 ชิ้นให้เลือกดูการทำงานของ Chromebook Flip ในโหมดแท็บเล็ตครับ
ในการใช้งานจริง ผมเองพบว่า Chromebook รับรู้และตอบสนองได้ดีต่อการเปลี่ยนโหมด รวมทั้งยังทำงานได้ดีไม่มีปัญหาอะไร อย่างไรก็ตามตัวระบบปฏิบัติการยังใช้ได้เฉพาะเว็บเป็นหลัก ยกเว้นว่าจะเลือกรับอัพเดตผ่าน Dev Channel เพื่อที่จะทำให้รันแอพของ Android ได้
สรุป: มันคือ Chromebook แบบ 2-in-1 ที่ดูหรูและดีที่สุดในขณะนี้
เท่าที่ทดลองใช้งานมา Chromebook Flip เองสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว เป็นที่น่าพอใจในการใช้งานปกติ อย่างไรก็ตามถ้าจะใช้มันในฐานะแท็บเล็ต อาจจะพอใช้ได้เป็นบางครั้งบางคราวเท่านั้น เพราะน้ำหนักในระดับ 0.89 กิโลกรัม ก็ถือว่าเยอะอยู่ในระดับหนึ่ง ส่วนปัญหาเท่าที่พบก็คือ แป้นพิมพ์มีขนาดปุ่มกดที่เล็กไป หน้าจอกระจกที่สะท้อนแสง และบางครั้งก็มี ghost touch เกิดขึ้น
แต่ทั้งหมดทั้งปวง ก็ต้องถามกับตัวผู้อ่านเองด้วยว่า หากราคาค่าตัว 269 ดอลลาร์สหรัฐ (249 ดอลลาร์สำหรับรุ่นแรม 2 GB) ที่แลกมาด้วยคุณสมบัติทั้งตัวเครื่องที่ดูดีมากเกินราคา ความสามารถในการใช้เป็นแท็บเล็ตได้ ทำงานได้รวดเร็ว และสำคัญที่สุดคือเรื่องใช้งานแอพ Android ได้แล้ว จะถือเป็นข้อยกเว้นที่ทำให้ยอมมองข้ามข้อเสียเหล่านี้ไปได้บ้างหรือไม่ ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วถือว่าอยู่ในระดับที่ "ยอมรับได้" ครับ
ข้อดี
ข้อเสีย