แชร์ประสบการณ์ทดลองนั่ง Tesla Model S P90D ณ เมือง Stuttgart ประเทศเยอรมนี

by BlackMiracle
10 July 2016 - 09:01

สำหรับผู้ที่อ่าน Blognone ประจำ คงเห็นว่าผมเขียนข่าวเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า Tesla เสมอ ซึ่งเกิดจากความชอบส่วนตัวและความชอบในตัว Elon Musk ซีอีโอของ Tesla Motors และตัวผู้เขียนเพิ่งเรียนจบ เลยได้โอกาสเดินทางไปเยอรมนีเพื่อท่องเที่ยวและเยี่ยมเยียนคนรู้จัก จึงเกิดไอเดียว่า "ไปลองขับ Tesla ดีกว่า" ผมเลยใช้ Skype โทรไปหาศูนย์บริการ Tesla Motors ที่เมือง Stuttgart ทางตอนใต้ของเยอรมนีเพื่อนัดหมายวันทดลองขับ จึงเป็นที่มาของการแชร์ประสบการณ์ในครั้งนี้

โชว์รูม Tesla Motors สาขา Stuttgart ตั้งอยู่เลขที่ 38 ถนน Motorstraße ผมนัดหมายไว้ช่วงเที่ยงวัน โดยเดินทางไปกับคนรู้จักที่เป็นคนเยอรมันอีก 1 คน เมื่อไปถึงพนักงานขายออกมาต้อนรับอย่างดี พร้อมกับถามว่านัดหมายทดลองขับไว้ใช่ไหม พวกเราพูดคุยกันอีกสักพัก เธอก็ขอใบขับขี่สากลของผมไป แต่เกิดปัญหาตอนนี้ เพราะผมอายุยังไม่ถึง 25 ปี ตามกฎเขาไม่ให้ทดลองขับรถในลักษณะนี้ คนขับจึงต้องเป็นคนเยอรมันที่มากับผมแทน

หมายเหตุ: เนื่องด้วยผมไม่ได้ไปคนเดียว เลยอยู่อ้อยอิ่งนานไม่ได้ ทำให้ไม่ได้ถ่ายรูปมาเยอะนัก ส่วนใหญ่จะเป็นวิดีโอมากกว่า และเป็นภาษาเยอรมันนะครับ

โชว์รูมและศูนย์บริการ Tesla สาขานี้ไม่ใหญ่นัก ตรงกลางโชว์รูมมีแชสซีของ Tesla Model S ตั้งโชว์อยู่ พร้อมโช้คสองล้อหลังตั้งเด่อยู่ เห็นขนาดโช้คแล้วตกใจว่าต้องใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ

ด้านหลังเปิดช่องให้ดูมอเตอร์ประสิทธิภาพสูง

เมื่อพูดคุยเกี่ยวกับตัวรถเบื้องต้นเรียบร้อยแล้ว พนักงานขายก็พาไปที่รถ ซึ่งเราได้ทดลอง Tesla Model S P90D รุ่นท็อปสุด โดยเธอนั่งด้านหน้าก่อนเพื่อบรีฟวิธีใช้รถเบื้องต้น โดยรวมก็เป็นรายละเอียดการใช้จอสัมผัสตรงกลางเพื่อปรับค่าต่างๆ เช่นความสูงของรถ, โหมดการขับขี่, การเปิดแผนที่, เครื่องปรับอากาศ รวมถึงการเปิดหลังคา ก็ควบคุมจากหน้าจอนี้ทั้งสิ้น

วิธีติดเครื่อง (ไหนล่ะเครื่อง?) เพียงแค่เหยียบเบรก แล้วเข้าเกียร์ D เท่านั้นก็ออกรถได้เลย ส่วนการดับเครื่องก็เข้าเกียร์ P แล้วก้าวออกจากรถได้ทันที

จากนั้นผมก็ย้ายไปนั่งด้านหน้า และพวกเราก็ออกสู่ถนนกัน ความรู้สึกในรถคือพรีเมียม แต่ไม่หรูหรามากนัก วัสดุภายในทำมาดีมาก เบาะหน้านั่งสบาย กระชับ แต่เบาะหลังรู้สึกเตี้ยไปหน่อย (เขาชันขึ้นมาสูงกว่าปกติ)

ความรู้สึกระหว่างรถวิ่งคือรถค่อนข้างแข็ง (stiff) ตามแบบรถสปอร์ต แต่ยังไม่แข็งจนนั่งไม่สบาย เพราะระหว่างทางมีตกหลุมเล็กๆ (pothole) หนึ่งครั้งก็ไม่ได้สะเทือนมากนัก

พวกเราขับออกนอกเมือง วิวส่วนใหญ่เป็นทุ่งหญ้า รถค่อนข้างโล่ง มีจังหวะนึงคนขับลองกดคันเร่ง รถดึงมาก ไม่ได้กดยาวมากนักแต่ก็รู้แล้วว่ารถมันแรงจริง

นั่งไปสักพักพนักงานก็บอกให้ทดลองฟีเจอร์ Autopilot โดยการกดปุ่มที่ก้านข้างพวงมาลัยสองครั้ง รถก็วิ่งไปเอง คนขับตื่นเต้นมาก พอเข้าใกล้รถคันอื่นมันก็ชะลอเอง และเบรกหยุดเอง บนหน้าจอฝั่งคนขับมีบอกระยะห่างจากรถคันอื่น รวมถึงบอกตำแหน่งรถบนเลนว่าชิดซ้ายหรือขวาด้วย

เมื่อเปิดใช้งานโหมด Autopilot ไปสักพัก และคนขับไม่จับพวงมาลัย บนหน้าจอจะขึ้นข้อความว่า "Lenkrad festhalten" แปลว่าให้จับพวงมาลัย (ช่วงนาทีที่ 1:04) พอจับแล้วจะมีเสียงตื้ดๆ เพื่อยืนยันสถานะ การเตือนให้คนขับจับพวงมาลัยไว้เป็นมาตรการด้านความปลอดภัย เพื่อให้แน่ใจว่าเรายังอยู่นะ ไม่ได้เผลอหลับหรืออะไร

จากนั้นก็ได้ลองเล่นหน้าจอตรงกลาง ซึ่งรถ Tesla ทุกคันมีซิมการ์ดติดตั้งมาจากโรงงาน ใช้อินเทอร์เน็ตได้ฟรีตลอดชีพ สามารถเข้าเว็บ, อ่านอีเมล หรือเปิดแผนที่ได้ ยกเว้นดูวิดีโอ ผมเลยลองเข้า Blognone ก็พบว่าเบราว์เซอร์อ่านไทยไม่ได้ อันนี้ถือว่าน่าผิดหวังพอสมควร เพราะผมเชื่อว่าสมัยนี้ไม่ควรมีอะไรแบบนี้แล้ว

การทดลองขับใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมง พวกเราก็กลับมาถึงโชว์รูม ซึ่งพนักงานก็ได้พูดสรุปอีกครั้ง โดยรวมถือว่าประทับใจมาก ตัวรถใช้วัสดุอย่างดี มีประเด็นผมสังเกตได้อย่างหนึ่งคือ Tesla เลือกทำทุกอย่างให้ "ใหญ่" กล่าวคือพวงมาลัยค่อนข้างอ้วน, โช้คต้นใหญ่มาก, จอตรงกลางก็ใหญ่ หรือแม้กระทั่งซีลยางของขอบฝากระโปรงท้ายก็เป็นยางเส้นใหญ่กว่ารถยี่ห้ออื่น

Tesla ยังต้องพยายามอีกเยอะในการเจาะตลาดเยอรมัน ประเทศแห่งรถยนต์ชั้นดี คนรู้จักที่ไปกับผมไม่เคยรู้จักรถ Tesla มาก่อน ตอนแรกก็มาเป็นเพื่อนเฉยๆ ไม่ได้สนใจรถเลย แต่หลังจากทดลองขับเสร็จ เธอชอบมาก เราพูดคุยกันตลอดทางที่กลับจากโชว์รูม เธอไปเล่าให้เพื่อนๆ รวมถึงครอบครัวฟังว่ารถ Tesla ดีอย่างนั้นอย่างนี้ และเริ่มสนใจรถยนต์ที่ไม่ใช่รถของประเทศตัวเองเข้าแล้ว

ปล. การที่ Tesla มาเปิดโชว์รูมที่เมือง Stuttgart เป็นเหมือนการเข้าถ้ำเสือนะครับ เพราะเมืองนี้เป็นบ้านเกิดของ Porsche และ Mercedes-Benz เลยทีเดียว

Blognone Jobs Premium