รมว. คลัง ชี้แผน National E-payment ไม่ได้มีแค่ PromptPay ตั้งเป้าลดต้นทุนการใช้เงินสดให้ประเทศ

by mk
29 July 2016 - 08:32

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาในงานสัมมนา E-payments: Driving Thailand's Economy Forward ที่จัดโดยหนังสือพิมพ์ Bangkok Post โดยกล่าวถึงแผนการ National E-payment ของรัฐบาล

นายอภิศักดิ์ บอกว่าประเทศไทยไม่ค่อยพูดถึงประสิทธิภาพของภาคการเงินกันมากนัก เรื่องเงินอิเล็กทรอนิกส์พูดกันมานานแล้วแต่ไม่เกิดสักที รัฐบาลจึงลงมาทำโครงการ National E-payment เปรียบเสมือนลงทุนทำซูเปอร์ไฮเวย์ให้ทุกคนใช้งาน ธนาคารรายเล็กที่อาจมีงบลงทุนไม่เท่ารายใหญ่ก็สามารถมาใช้โครงสร้างพื้นฐานนี้ได้ องค์กรที่ไม่ใช่ธนาคาร (non-bank) ก็ใช้ได้ เมื่อทุกคนอยู่บนโครงสร้างเดียวกัน ก็มาแข่งกันที่คุณภาพของผลิตภัณฑ์แทน ประชาชนก็ได้ประโยชน์

เป้าหมายของ National E-payment คือลดการใช้เงินสดลง เพราะทุกวันนี้ธนาคารมีต้นทุนการดูแลเงินสดเยอะมาก เริ่มตั้งแต่ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องพิมพ์ธนบัตร ธนาคารต้องขนเงินสดไปยังสาขา ไปยังตู้เอทีเอ็มทุกตู้ มีค่าใช้จ่ายมหาศาล ถ้าสามารถลดต้นทุนพวกนี้ได้ ธนาคารแห่งหนึ่งอาจมีต้นทุนลดลงถึง 4-5 หมื่นล้านบาทต่อปี

ปัจจุบัน เงินอิเล็กทรอนิกส์ถูกใช้งานอยู่แล้วในรูปบัตรเครดิตและบัตรเดบิต แต่คนที่เข้าถึงเงินเหล่านี้ยังมีเฉพาะคนชั้นกลางขึ้นไปเท่านั้น ทำอย่างไร คนทุกกลุ่มถึงจะสามารถเข้าถึงการใช้เงินอิเล็กทรอนิกส์ได้ มีกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ได้ง่าย และสามารถใช้จ่ายได้ทุกที่

นายอภิศักดิ์ บอกว่าทุกวันนี้คนสนใจกันแต่ PromptPay แต่นั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของแผน National E-payment เท่านั้น อาจจะเพียงแค่ 10% ด้วยซ้ำ เพราะมีองค์ประกอบอย่างอื่นด้วย

PromptPay

นายอภิศักดิ์ บอกว่าทุกวันนี้กระแสโซเชียลแรง คนเลยกลัว PromptPay กัน จริงๆ ชื่อเดิมของมันคือ AnyID แต่พอเปลี่ยนชื่อเป็น PromptPay คนเลยกลัว เพราะชื่อมีคำว่า Pay หมายถึงจ่ายเงินออกไป ทั้งที่จริงๆ เป็นระบบที่สร้างมาเพื่อรับเงินต่างหาก

การมาถึงของ PromptPay จะกระตุ้นให้คนใช้เงินอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น ผ่านแรงจูงใจเรื่องค่าธรรมเนียมที่ลดลง ซึ่งธนาคารก็จะได้รับการชดเชยค่าธรรมเนียมที่เสียไป ด้วยปริมาณธุรกรรม (volume) ที่มากขึ้น และต้นทุนการดูแลเงินสดที่ลดลง

ส่วนประเทศก็จะได้ประโยชน์จากความต้องการใช้เงินสดที่น้อยลง และเงินรั่วไหลน้อยลง ทั้งในแง่การรั่วไหลของภาษี (เงินเข้ามาอยู่ในระบบมากขึ้น) และการคอร์รัปชัน

การจ่ายเงินอิเล็กทรอนิกส์

เมื่อคนมีบัญชีอิเล็กทรอนิกส์แล้ว ในฝั่งของร้านค้าก็ต้องยอมรับการจ่ายเงินอิเล็กทรอนิกส์ด้วย ซึ่งรัฐบาลจะกระตุ้นให้ธนาคารกระจายเครื่องรับรูดบัตรอิเล็กทรอนิกส์ให้มากขึ้น ในอนาคต ขึ้นรถเมล์ ขึ้นแท็กซี่ ก็ต้องจ่ายเงินด้วยบัตรได้เหมือนในต่างประเทศ

ร้านค้าที่จดทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์ จะมีเงื่อนไขให้ต้องมีเครื่องรับรูดบัตร และรับแค่บัตรอย่างเดียวก็ไม่ได้ ต้องมองไปถึงเทคโนโลยีที่ไกลกว่านั้นด้วย ต้องรับ NFC ได้ จ่ายเงินด้วยมือถือได้

ตอนนี้เรายังเห็นห้างสรรพสินค้าหรือร้านค้าใหญ่ๆ มีเครื่องรูดบัตรของทุกธนาคารวางเรียงกันหมด อันนี้ไม่ค่อยดีเพราะเสียทรัพยากรเปล่าประโยชน์ ทางแก้ควรมี EDC Pool เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกันข้ามธนาคาร มีเครื่องรูดอันเดียวก็พอ ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการพูดคุย และอาจได้เห็น EDC Pool มากกว่าหนึ่งราย

รัฐบาลยังจะออกแคมเปญชิงโชคให้กับร้านค้าที่ติดตั้งเครื่องรูดบัตรอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อจูงใจร้านค้าด้วย โดยนายอภิศักดิ์ พูดแบบติดตลกว่าโอกาสถูกรางวัลเยอะกว่าซื้อล็อตเตอรี่ ดังนั้นอยากให้มาติดตั้งกันเยอะๆ

ภาษีอิเล็กทรอนิกส์

เรื่องนี้กรมสรรพากรเป็นเจ้าภาพอยู่ ระบบยื่นภาษีอิเล็กทรอนิกส์มีอยู่แล้ว ต่อไปไม่ควรต้องยื่นภาษีผ่านกระดาษอีกเลย และปลายทางคือทุกบริษัทต้องมี "บัญชีภาษี" ของตัวเอง เปิดบัญชีไว้เพื่อจ่ายภาษีโดยเฉพาะ และบัญชีเดียวรองรับภาษีทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นภาษีนิติบุคคล, VAT, การหัก ณ ที่จ่าย ฯลฯ ภาษีทุกอย่างสามารถหักลบ (net) กันได้เพื่อจ่ายภาษีทีเดียว ซึ่งต้องใช้เวลาอีกสักระยะกว่าจะทำได้จริง

การรับและจ่ายเงินของภาครัฐ

รัฐบาลต้องทำตัวเป็นตัวอย่างเรื่องการใช้จ่ายเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ถ้ารัฐเริ่มก่อน ก็จะเร่งให้ประชาชนหันมาใช้เงินอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น ตอนนี้การจ่ายเงินของรัฐ 70% ผ่านอิเล็กทรอนิกส์แล้ว ทำอย่างไรจะขยับให้เป็น 100%

ตัวอย่างคือการคืนภาษีเงินได้ส่วนบุคคล ยังทำเป็นเช็คกันอยู่เลย พอเช็คหายก็วุ่นวายต้องไปตามหาหลักฐานมายืนยันกัน ต่อไปในอนาคต การคืนภาษีต้องผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ คืนผ่านบัญชี PromtPay ที่ผูกกับรหัสประจำตัวประชาชนที่ผูกเอาไว้

หรืออย่างการไปทำธุรกรรมกับกรมที่ดิน ทุกวันนี้ยังต้องใช้เงินสด บางคนต้องหอบเงินไปเป็นล้าน แถมถ้าประเมินราคาที่ดินผิด เอาเงินไปไม่พอ ก็ต้องวิ่งไปเบิกเงินกันใหม่ ในอนาคต เอาบัตรไปใบเดียว แตะเพื่อจ่ายก็ต้องทำธุรกรรมเกี่ยวกับที่ดินได้

สุดท้าย การจ่ายเงินสวัสดิการของรัฐให้คนที่มีรายได้น้อย ในอนาคตก็จะจ่ายผ่าน PromptPay ซึ่งก็อยากให้คนไปลงทะเบียนรับเงินสวัสดิการกันเยอะๆ เพราะถ้าไม่ลงทะเบียนก่อน รัฐก็จะถือว่าไม่ต้องการความช่วยเหลือ ก็จะไม่จ่ายเงินให้

Blognone Jobs Premium