Veritas บริษัทให้บริการจัดการข้อมูล และโซลูชั่นด้านการจัดเก็บข้อมูล เผยรายงาน Databerg Report สำรวจข้อมูลจากคนทำงาน IT ในองค์กรกว่า 2,500 คน จาก 22 ประเทศ พบว่า ข้อมูลที่องค์กรจัดเก็บทุกวันนี้ มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจของบริษัทเพียงนิดเดียว ส่วนข้อมูลที่เหลือเป็นข้อมูลเก่า, ข้อมูลส่วนตัว และข้อมูลอื่นๆ ที่ไม่สามารถนำไปต่อยอดทางธุรกิจของบริษัทได้เลย
คำว่า Databerg Report ล้อมาจากคำว่า Iceberg โดยเปรียบเทียบข้อมูลเหมือนเป็นภูเขาน้ำแข็งในทะเล ส่วนบนสุดที่โผล่พ้นน้ำคือข้อมูลสำคัญขององค์กร สามารถเข้าถึงและนำไปใช้ดำเนินการได้ตลอดเวลา จากรายงาน คำนวณว่าข้อมูลที่เป็นประโยชน์มีสัดส่วนเพียง 14% ของข้อมูลทั้งหมดเท่านั้น
ส่วนตรงกลางของภูเขาน้ำแข็ง คือข้อมูลซ้ำซ้อน ข้อมูลหมดอายุ ข้อมูลที่ไม่สำคัญอะไร มีสัดส่วน 32% โดย Veritas เรียกข้อมูลส่วนนี้ว่า ROT Data ย่อมาจาก Redundant, Obsolete, Trivial Data
ส่วนลึกที่สุดของภูเขาน้ำแข็งคือข้อมูลที่ผู้บริหารไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีอยู่ในองค์กร และเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถสร้างคุณค่าให้องค์กรได้เลย ข้อมูลส่วนนี้มีสัดส่วนมากที่สุดคือ 54% เรียกว่า Dark Data
ปัญหาของข้อมูลที่มากเกินไปคือค่าดำเนินการและต้นทุนการจัดเก็บจะยิ่งมากขึ้น ในรายงาน Databerg คาดการณ์ว่าภายในปี 2020 ปัญหา ROT Data และ Dark Data จะสร้างค่าใช้จ่ายในองค์กรทั่วโลกกว่า 30 ล้านล้านบาท
สำหรับพฤติกรรมที่ทำให้เกิด ROT Data และ Dark Data มากขึ้น มีดังนี้
ความเชื่อผิดๆ เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดข้อมูลมหาศาล ยุคนี้เป็นยุคที่ทุกคนสร้างข้อมูลได้ จึงสร้างข้อมูลขึ้นมาเต็มไปหมด และเมื่อเกิดความเชื่อว่าปุอกรณ์จัดเก็บราคาถูกลง จะเก็บข้อมูลเท่าไรก็ย่อมได้ แต่กลับไม่ได้คำนึงถึงต้นทุนอื่นๆ เช่น ค่าบุคลากรดูแลข้อมูล ค่าพื้นที่ ค่าพลังงาน
สำหรับแนวทางแก้ไข Veritas เสนอไว้ดังนี้