สายการบิน Delta Air Lines ใช้เงินลงทุน 50 ล้านดอลลาร์ กับระบบแท็ก RFID เพื่อใช้ติดไปกับกระเป๋าสัมภาระของผู้โดยสาร โดยมีเป้าหมายเพื่อลดปัญหากระเป๋าสูญหายไประหว่างการขนส่ง หรือลำเลียงกระเป๋านำส่งผู้โดยสารล่าช้า ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากระบบการอ่านข้อมูลจากป้ายแท็กติดกระเป๋าที่ผิดพลาดจนทำให้กระเป๋าถูกส่งไปผิดที่ผิดทาง โดยงานนี้ Delta Air Lines จะใช้ชิป RFID ฝังติดไปกับป้ายแท็กกระเป๋าแบบเดิมที่เจ้าหน้าที่ติด/คล้องไปกับกระเป๋า ณ จุดชั่งน้ำหนัก
Bill Lentsch รองประธานอาวุโสฝายบริการลูกค้าสนามบินและปฏิบัติการสายการบินของ Delta Air Lines กล่าวถึงเหตุผลในการตัดสินใจนำระบบ RFID มาใช้ว่า เทคโนโลยีที่ใช้ในระบบการจัดการกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสารกันอยู่ทุกวันนี้คือการอ่านป้ายบาร์โค้ด ซึ่งป้ายบาร์โค้ดนี้มีอัตราการอ่านค่าด้วยเครื่องอ่านสำเร็จถูกต้องราว 90% ในขณะที่แท็ก RFID นั้นสามารถอ่านข้อมูลด้วยเครื่องอ่านได้ง่ายกว่าและมีความผิดพลาดน้อยกว่า โดยอัตราการอ่านค่าจากแท็ก RFID ได้สำเร็จอยู่ที่ประมาณ 99.85% ความแตกต่างด้านข้อผิดพลาดในการอ่านข้อมูลที่น้อยกว่า ย่อมหมายถึงปัญหาการส่งกระเป๋าไปผิดที่ผิดทางย่อมน้อยกว่าด้วย
นอกจากนี้การใช้เครื่องอ่านบาร์โค้ด จำเป็นต้องทำให้เครื่องอ่าน "มองเห็น" ป้ายบาร์โค้ดโดยตรง แต่คงไม่สะดวกนักที่จะต้องคอยหมุนพลิกกระเป๋าทุกใบไปมาเพื่อยิงบาร์โค้ด นั่นจึงเป็นที่มาของการปฏิบัติงานโดยใช้เครื่องอ่านแบบใช้มือถือ ในขณะที่เครื่องอ่าน RFID นั้นขอแค่ให้แท็ก RFID อยู่ใกล้เพียงพอในระยะทำการก็พอ ด้วยเหตุนี้การใช้แท็ก RFID ซึ่งเหมาะกับเครื่องอ่านอัตโนมัติ ยังทำให้เจ้าหน้าที่ขนย้ายสัมภาระทำงานได้สะดวกยิ่งขึ้น เนื่องจากไม่ต้องใช้มือข้างหนึ่งเพื่อถือเครื่องอ่านบาร์โค้ด การที่ระบบเอื้อให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้โดยใช้ทั้ง 2 มือในการเคลื่อนย้ายกระเป๋า ก็ย่อมจะคาดหวังได้ว่าขั้นตอนการคัดแยกและขนย้ายกระเป๋าเหล่านี้จะใช้เวลาน้อยลง
ด้วยข้อดีที่ว่ามาเมื่อถึงช่วงเวลาปัจจุบันที่ต้นทุนด้านการผลิตและบริหารจัดการระบบแท็ก RFID ลดลง Delta Air Lines จึงเห็นความคุ้มค่าที่จะใช้เงินลงทุนเพื่อนำเอาระบบแท็ก RFID มาใช้ โดยเงินลงทุน 50 ล้านดอลลาร์นี้ จะถูกนำไปปรับปรุงเสริมระบบให้กับตาชั่งกระเป๋าสัมภาระกว่า 1,500 จุด, เครื่องพิมพ์ 3,800 เครื่อง และเครื่องอ่านข้อมูลอัตโนมัติที่จุดรับกระเป๋าอีก 600 จุด กระจายในสนามบิน 344 แห่งที่ Delta Air Lines ให้บริการ
หากเห็นผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรมชัดเจนว่าลดปัญหากระเป๋าสัมภาระสูญหายหรือลำเลียงล่าช้าได้จริง เชื่อว่าสายการบินอื่นๆ ก็น่าจะทยอยหันมาใช้ระบบแท็ก RFID ด้วยเช่นกัน
ที่มา - Forbes