หลังจากเปิดตัวไปตั้งแต่ต้นปี เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาทาง HP ประเทศไทย ประกาศเปิดตัว HP Elite X3 อย่างเป็นทางการ ระบุว่าเตรียมนำมาจำหน่ายภายในเดือนพฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป ในราคาที่ 29,900 บาท (ราคานี้รวม Desktop Dock, เคส และบริการหลังการขายต่างๆ แล้ว)
ผมมีโอกาสได้ไปร่วมลองเล่นอยู่พักหนึ่ง เลยขออนุญาตเขียนมาเล่าสั้นๆ นะครับ สเปกขอให้อ่านเอาจากข่าวเก่านะครับ ว่าแล้วมาเริ่มกันเลยดีกว่า
ตัวเครื่องของ Elite X3 มีขนาดที่ใหญ่มาก แทบจะเรียกว่าเป็นไม้กระดานขนาดย่อมๆ แต่นั่นก็เพราะเรื่องของขนาดจอที่เน้นพื้นที่ในการแสดงผลเกือบ 6 นิ้ว ในรูปแบบของ phablet นั่นเอง วัสดุที่ใช้เป็นพลาสติกแทบจะทั้งหมด แต่ก็ไม่ได้รู้สึกถึงความยวบยาบแต่อย่างใด
จุดที่อาจจะถือว่าโดดเด่นคือลำโพงที่ได้ Bang & Olufsen เข้ามาช่วยปรับแต่งให้ ผมเปิดเพลงแล้วก็พบว่าเสียงดังดี แต่ไม่ได้ประทับใจมากมาย ผิดกับสมัยที่ Vertu ร่วมมือกับทาง Bang & Olufsen ที่ลำโพงออกมาดีกว่านี้มาก แต่นั่นก็คนละระดับราคากัน
ด้านหลังเครื่องไม่ต่างจากมือถืออื่นๆ กล้องนูน มีที่สแกนลายนิ้วมือ และมีเหมือนที่สัมผัส (contact point) เข้าใจว่าไว้ใช้กับอุปกรณ์เสริมต่างๆ
ตัวระบบปฏิบัติการเป็น Windows 10 Mobile ซึ่งไม่ได้ต่างอะไรไปจากสมาร์ทโฟนของ Windows อื่นๆ (อ่านรีวิว Windows 10 Mobile ประกอบ) ในจุดนี้ผมคงขอข้ามไปนะครับ แต่ส่วนที่น่าสนใจคือทาง HP นำเอาอุปกรณ์เสริมจำนวนหนึ่งมาแสดงด้วย ตัว dock ปกติขอให้ไปตามอ่านจากข่าวเก่า ตัวที่น่าสนใจคือ "lap dock" ที่เป็นหน้าจอส่วนต่อขยายสำหรับ Continuum คุณสมบัติใหม่ของ Windows 10 Mobile ที่ทำให้ทำงานเหมือนคอมพิวเตอร์ปกติ
ที่บอกว่าเป็นส่วนหน้าจอต่อขยายอาจจะไม่ถูกต้องนัก เพราะจริงๆ มันคือหน้าจอ + แป้นพิมพ์ + แบตเตอรี่ มาในร่างของโน้ตบุ๊ก หนักประมาณ 1 กิโลกรัม (ไม่รู้ว่าหนักตรงไหน แต่เดาว่าอาจเป็นที่แบตเตอรี่) ถือว่าหนักเอาการมาก (ส่วนตัวใช้ Vaio Pro 11 มาถือ lap dock แล้ว ต้องยอมรับว่าหนักกว่ากันอยู่มากๆ)
ราคา lap dock ยังไม่ประกาศในตอนนี้ครับ ส่วนราคารวมก็ย้ำอีกครั้งที่ 29,900 บาท มาพร้อมกับ dock ธรรมดา, เคส และประกันแบบ On-site แบบวันทำการถัดไป ในงานระบุว่าเป็นแบบเปลี่ยนเครื่องใหม่ทันที และสามารถซื้อเพิ่มได้สูงสุดยาวนาน 5 ปีครับ จะเริ่มจำหน่ายเดือนพฤศจิกายนนี้