หนึ่งในปัญหาใหญ่ของพื้นที่ห่างไกลเช่นเกาะ คืออาหารไม่เพียงพอ, อากาศเลวร้าย และพลังงานมีจำกัด โดยเกาะชื่อ Ta'u ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะ American Samoa (อเมริกันซามัว) มีประชากรอาศัยอยู่ราว 600 คน ตั้งอยู่กลางมหาสมุทรแปซิฟิก ไปทางตะวันออกของประเทศออสเตรเลียราว 4,000 กิโลเมตร ก็ประสบปัญหาเหล่านี้เช่นกัน ล่าสุด SolarCity และ Tesla ได้เข้าไปติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ พร้อม Tesla Powerpack เพื่อให้เกาะนี้มีไฟฟ้าใช้อย่างยั่งยืน
ก่อนหน้านี้เกาะ Ta'u ใช้เครื่องปั่นไฟพลังดีเซล ซึ่งเครื่องปั่นไฟหนึ่งเครื่องใช้น้ำมันวันละราว 1,100 ลิตร หรือ 4.14 แสนลิตรต่อปี โดยต้องขนส่งน้ำมันมาทางเรือ ชาวเกาะชื่อ Keith Ahsoon เล่าว่าเคยมีเหตุการณ์ที่ทำให้เรือมาส่งของไม่ได้นานสองเดือนทำให้ไม่มีไฟฟ้าใช้ และเวลาน้ำมันใกล้หมดก็ต้องช่วยกันประหยัดโดยการใช้ไฟฟ้าแค่ช่วงเช้ากับบ่าย ช่วงกลางคืนก็จุดเทียนแทน ส่วนปั๊มน้ำก็ต้องใช้ไฟฟ้าเพื่อส่งน้ำมาเลี้ยงหมู่บ้าน
ขณะนี้ปัญหาดังกล่าวหมดไปแล้ว เพราะหน่วยงานรัฐของ American Samoa ได้จ้าง SolarCity และ Tesla มาติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์จำนวน 5,328 แผง ผลิตไฟฟ้าได้ 1.4 เมกะวัตต์ พร้อมแบตเตอรี่ Tesla Powerpack อีก 60 ตู้ เก็บไฟฟ้าได้ 6 เมกะวัตต์ชั่วโมง ทั้งหมดนี้สามารถจ่ายไฟให้ทั้งเกาะได้ถึง 3 วันเต็มแบบไม่มีแสงอาทิตย์เลย และชาร์จไฟได้เต็มภายใน 7 ชั่วโมงเท่านั้น โดยใช้เวลาวางระบบทั้งหมด 1 ปี
ผลที่ได้คือตอนนี้ทั้งเกาะมีไฟฟ้าใช้ได้แบบต่อเนื่อง ยิ่งไปกว่านั้นคือเกาะไม่ต้องเสียค่าน้ำมันอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม SolarCity ไม่ได้เปิดเผยมูลค่าของโปรเจ็คนี้แต่อย่างใด ด้าน Peter Rive ซีอีโอของ SolarCity บอกว่าการที่เลิกใช้น้ำมันปริมาณมากขนาดนี้ เมื่อคำนวณหักลบกับค่าน้ำมันที่สูงขึ้นเรื่อยๆ บวกกับค่าขนส่งจำนวนมาก ทำให้โปรเจ็คนี้คุ้มค่า
SolarCity เป็นบริษัทผลิตและติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ที่ Elon Musk ซีอีโอของ Tesla ดำรงตำแหน่งประธานบริษัท ซึ่งทั้งสองเพิ่งเสร็จสิ้นกระบวนการควบรวมบริษัทเข้าด้วยกัน โดย SolarCity กลายเป็นบริษัทลูกของ Tesla
ที่มา - SolarCity