Google Chrome อาวุธใหม่แห่งมหาสงครามยึดโลกอินเทอร์เน็ต

by putchonguth
9 September 2008 - 16:11

ข่าวใหญ่ที่สุดข่าวหนึ่งในวงการคอมพิวเตอร์ช่วงนี้ คือ การที่บริษัทกูเกิลส่งเบราว์เซอร์ใหม่เรียกว่า Google Chrome ออกมาลงสนามแข่งกับเบราว์เซอร์ของบริษัทต่างๆ เช่น Internet Explorer ของไมโครซอฟท์, Safari ของแอปเปิล ทำไมกูเกิลต้องออกเบราว์เซอร์ของตัวเองด้วย ในเมื่อกูเกิลเองก็ร่วมสนับสนุนจิ้งจอกไฟ Firefox อยู่เต็มเหนี่ยวแล้ว คำตอบ คือ Chrome เป็นอาวุธใหม่ที่กูเกิลปล่อยออกมาแสดงแสนยานุภาพในมหาสงครามยึดโลกอินเทอร์เน็ตครับ

ในขณะนี้ สถาปัตยกรรมของการใช้งานระบบคอมพิวเตอร์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง โดยเฉพาะการมาถึงของสถาปัตยกรรมการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ (Cloud Computing) ซึ่งทำให้องค์การสามารถสร้างระบบขนาดใหญ่ที่ขยายตัวให้รับคนเป็นล้านๆ ที่เข้ามาใช้พลังการประมวลผลหรือเก็บข้อมูลได้ ตัวอย่างเช่น Google Search, Google Maps, YouTube, Facebook, MSN Spaces ดังนั้นโครงสร้างระบบไอทีสมัยใหม่จะประกอบด้วย

  1. ระบบแบบกลุ่มเมฆขนาดใหญ่ที่รองรับบริการหรือโปรแกรมประยุกต์
  2. เครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ที่ใช้ในการทำงานหรือเข้าสู่ระบบ
  3. ระบบอินเทอร์เน็ตที่เชื่อมโยงผู้ใช้และบริการเข้าหากัน

การใช้งานและพัฒนาโปรแกรมในสภาพแวดล้อมด้านไอทีแบบนี้นั้นจะมีสองโมเดลหลัก คือ SaaS (Software as a Service) และ Software+Services การทำงานแบบ SaaS นั้นเน้นระบบที่การบริการรวมศูนย์อยู่บนกลุ่มเมฆ ข้อดี คือ ผู้ใช้ไม่ต้องดูแลรักษาระบบเนี่องจากผู้ให้บริการต้องดูแลข้อมูลให้ถูกต้อง เข้าถึงได้ มีเสถียรภาพและปลอดภัยตลอด นอกจากนั้นการเข้าถึงบริการทำผ่านเบราว์เซอร์อย่างเดียว ทำให้สามารถใช้กับคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ที่มีสมรรถนะไม่สูง โทรศัพท์มือถือ หรือ MID (Mobile Internet Device) ได้ดี ข้อเสีย คืองานที่ใช้ส่วนติดต่อกับผู้ใช้ที่ซับซ้อน การประมวลผลภาพและเสียง การเล่นเกมส์จะทำไม่ได้ดี การทำงานแบบนี้จะมองระบบเป็น Infrastructure Centric ครับ แน่นอน ผู้ให้บริการบน อินเทอร์เน็ตกลุ่มใหญ่ เช่น กูเกิล, ไอบีเอ็ม จะสนับสนุนแนวทางนี้

สำหรับการทำงานแบบ Software + Services นั้นจะตรงกันข้าม โดยจะมองเป็น Client Centric คือมองว่าระบบคอมพิวเตอร์ของเรามีซอฟต์แวร์ บริการบนอินเทอร์เน็ตเข้ามาสร้างคุณค่าเพิ่มให้ซอฟต์แวร์ เช่น การพิมพ์งานสามารถดึงคลิปอาร์ทมาจากอินเทอร์เน็ตได้ง่ายๆ มีข้อดี คือการตอบสนองดี ใช้งานมัลติมีเดียดี เป็นโมเดลแบบเดิมที่เราคุ้นกันดี และมีไมโครซอฟท์หนุนหลังอย่างเข้มแข็ง

มหาสงครามยึดโลกอินเทอร์เน็ตและผู้ใช้ทั่วโลกนั้นขึ้นกับใครผลักดันโมเดลการประมวลผลที่ตนได้เปรียบให้เป็นมาตรฐานครับ

แน่นอนว่าทางกูเกิลที่ีหนุน SaaS อยู่นั้นต้องการถือเทคโนโลยีให้ครบวงจร การพึ่ง Internet Explorer นั้นเสี่ยงมากกับการที่ถูกไมโครซอฟท์ ปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ และสร้างปัญหาให้ ส่วนการพึ่ง Firefox นั้น ในระยะสั้นก็จะดี แต่ระยะยาวทางกูเกิล ไม่สามารถควบคุมความเห็นของประชาคมได้ร้อยเปอร์เซ็น ทำให้บางความสามารถที่กูเกิล ต้องการมากอาจไม่ได้รับการพัฒนาเต็มที่ ในขณะที่บางอย่างที่ไม่ต้องการอาจจะรุดหน้าไปเร็วกว่า นอกจากนั้นถ้าอ่านการ์ตูนเรื่อง Chrome จะพบว่า ปัญหาหนึ่ง ที่กูเกิล เน้น คือการปรับสมรรถนะของ JavaScript engine ให้แกร่งจนรองรับการสร้างโปรแกรมประยุกต์ขนาดใหญ่ได้ดีกว่าเก่ามาก ซึ่งตรงนี้ต้องกูเกิลลงไปทำเองเลย อันที่จริงแล้วกูเกิลได้ใช้วิธีปล่อย Google Gears ออกมาก่อน ทำให้เราสามารถปรับเบราว์เซอร์ทุกตัวให้รองรับการทำงานตามที่โปรแกรม Google ในอนาคตต้องการได้ ขอให้จับตาดูครับ เพราะ Gears น่าจะสำคัญกับ กูเกิล พอๆกับ .NET สำคัญกับ ไมโครซอฟท์

ความท้าทายที่กูเกิลต้องเผชิญ คือ ทำอย่างไรผู้ใช้จึงจะมาใช้ Chrome มากกว่า IE ครับ

ตอบได้ว่า ยากครับ ข้อได้เปรียบ คือ ไมโครซอฟท์นั้นคุมระบบปฎิบัติการ Windows ที่ครองโลกอยู่แล้วได้ติดตั้ง IE มาเลย ทำให้ผู้ใช้สมัครเล่นและผู้ใช้ตามองค์กรซึ่งไม่ได้ใช้งานหนักมากไม่ติดตั้งเบราว์เซอร์ใหม่และใช้ IE กันหมด อันมีผลให้โปรแกรมประยุกต์แบบเวบส่วนใหญ่ทำงานกับ IE ได้ดี นอกจากนั้นในองค์กรขนาดใหญ่มีคอมพิวเตอร์หลายพันหลายหมื่นเครื่อง
การที่จะต้องมาติดตั้งและบำรุงรักษาเบราว์เซอร์ใหม่จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงพอสมควร ถ้าให้วิจารณ์แล้วทางสู้ที่เป็นไปได้ คือ

  1. ทาง กูเกิล ต้องสร้างแอพพลิเคชันใหม่ๆที่น่าสนใจให้ผู้ใช้เพื่อดึงผู้ใช้เข้ามา และใช้ Google Chrome ดึงผู้ใช้ให้ติดกับเบราว์เซอร์นี้ซึ่งจะทำงานกับระบบของ กูเกิล ได้ดีเป็นพิเศษ
  2. กูเกิล ต้องหันไปเน้นเครื่องเล็กๆ Ultra Mobile PC ที่สมรรถนะของ Chrome จะได้เปรียบ โดยเน้นการใช้เครื่องเหล่านี้เป็นประตูสู่บริการของกูเกิล
  3. ประสานงานกับผู้ผลิตให้ติดตั้ง Chrome มาทันที อาจทำได้กับ Dell, HP, ไอบีเอ็ม ที่ขายคอมพิวเตอร์ให้องค์การต่างๆหลายล้านเครื่องต่อปี
  4. ทำให้ระบบลีนุกซ์หลักๆ เช่น Ubuntu, Debian, Fedora, Red Hat มี Chrome ติดตั้งมาเลยทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องติดตั้งเอง

สถานการณ์การแข่งขันกันครองยึดโลกอินเทอร์เน็ต แรง เร็ว ดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ ทางไมโครซอฟท์คงเตรียมตอบโต้ไว้เหมือนกัน ต้องคอยติดตามนะครับว่า จะมีอะไรใหม่ๆออกมาให้ตื่นตาตื่นใจบ้าง

Blognone Jobs Premium