Tesla ชี้แจงประเด็นการเก็บเงินค่า Supercharge ยัน ไม่ต้องการทำกำไรจากการชาร์จ

by BlackMiracle
13 January 2017 - 06:41

เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา Tesla ประกาศว่าผู้ที่ซื้อรถยนต์ใหม่จะไม่ได้รับสิทธิ์ชาร์จไฟฟรีไม่อั้นจากเครือข่าย Supercharger ตลอดชีพแล้ว แต่จะให้เครดิตชาร์จไฟฟรีปีละ 400 กิโลวัตต์ชั่วโมงแทน ล่าสุด Tesla ได้ให้ข้อมูลเรื่องนี้เพิ่มแล้ว

Tesla บอกว่าหนึ่งในสิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญมากที่สุดคือการขยายเครือข่ายสถานี Supercharger เพื่อสร้างความมั่นใจให้ทั้งลูกค้าเดิม และผู้สนใจใช้รถยนต์ไฟฟ้าว่าจะสามารถเดินทางไกลได้เหมือนรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน อย่างไรก็ตาม บริษัทอยากแบ่งเบาภาระค่าตั้งสถานีชาร์จบางส่วน จึงจำเป็นต้องเก็บเงินค่าชาร์จจากลูกค้า โดยผู้ที่จองรถหลังวันที่ 15 มกราคม 2017 (กำหนดการเดิมคือ 1 มกราคม 2017) จะได้รับเครดิตชาร์จไฟฟรีปีละ 400 กิโลวัตต์ชั่วโมง (วิ่งได้ประมาณ 1,600 กิโลเมตร) หากชาร์จเกินกว่านั้นต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

สำหรับสหรัฐอเมริกา ค่าชาร์จไฟดังกล่าวจะต่างกันไปในแต่ละรัฐ ส่วนนอกสหรัฐฯ จะต่างกันไปในแต่ละประเทศ และจะคิดค่าบริการตามหน่วยไฟฟ้าที่ชาร์จไปจริง แต่ในบางพื้นที่จะคิดเงินตามระยะเวลาที่เสียบปลั๊กชาร์จ ซึ่ง Tesla ระบุว่าแบบคิดตามหน่วยที่ชาร์จจริงเป็นการคิดค่าบริการที่ยุติธรรมกว่า แต่เหตุที่บางพื้นที่ต้องคิดตามเวลาที่ชาร์จเพราะติดข้อกฎหมายท้องถิ่น และ Tesla กำลังร่วมมือกับภาครัฐเพื่อปรับกฎดังกล่าว อีกทั้งยังยืนยันว่าการคิดค่าบริการนี้ก็เพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และไม่ต้องการทำกำไรจากค่าบริการแต่อย่างใด

สุดท้าย Tesla ได้ยกตัวอย่างค่าชาร์จไฟจากสถานี Supercharger ว่าการเดินทางจากซานฟรานซิสโกไปลอสแองเจลิส (610 กิโลเมตร) จะมีค่าใช้จ่ายราว 15 ดอลลาร์สหรัฐ (530 บาท), จากลอสแองเจลิสไปนิวยอร์ก (4,490 กิโลเมตร) มีค่าใช้จ่ายราว 120 ดอลลาร์สหรัฐ (4,200 บาท), จากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ไปกรุงโรม ประเทศอิตาลี (1,420 กิโลเมตร) มีค่าใช้จ่ายราว 60 ยูโร (2,200 บาท) และจากกรุงปักกิ่งไปเซี่ยงไฮ้ (1,200 กิโลเมตร) มีค่าใช้จ่ายราว 400 หยวน (2,000 บาท)

ที่มา - Tesla

Blognone Jobs Premium