มุมมองนายกสิงคโปร์ต่อ Uber/Grab: ทำให้ยุติธรรมกับคนขับรถเดิม, เปิดทางนวัตกรรม

by lew
7 March 2017 - 15:32

วันนี้มีข่าวว่ากรมการขนส่งทางบกอาจจะใช้คำสั่งตามมาตรา 44 เพื่อปิดบริการ Uber หากมีการใช้งานจริงก็น่าจะเป็น "ยาแรง" ที่สุดเท่าที่เคยมีมา หลังจากก่อนหน้านี้ไต้หวันเพิ่มค่าปรับการใช้รถรับผู้โดยสารโดยไม่ได้รับอนุญาตจน Uber ยอมถอยออกจากไต้หวันไป

แต่มุมมองของ ลี เซียน ลุง นั้นต่างออกไป เขาพูดถึงมุมมองต่อเรื่องนี้ในงาน National Day Rally เมื่อเดือนสิงหาคม 2016 ที่ผ่านมา

เขายอมรับว่าบริการเรียกรถผ่านแอปอย่าง Uber และ Grab นั้นไม่เสมอภาคกับผู้ัขับรถแท็กซี่เดิมนัก เพราะรถแท็กซี่เดิมมีข้อบังคับ เช่น ระยะทางให้บริการต่อวัน และกฎเกณฑ์อื่นๆ ทำให้ต้นทุนการให้บริการแพงกว่าคนขับที่เรียกผ่านแอปเช่นนี้ แต่เขาก็เตือนคนขับแท็กซี่ว่ายังมีความได้เปรียบเพราะสามารถรับคนจากข้างทางได้ ขณะที่รถที่รอผู้โดยสารผ่านแอปทำไม่ได้

และแม้ว่าในตอนนั้นยังไม่เท่าเทียมกัน แต่รัฐบาลก็จะปรับกฎให้เท่าเทียมกันมากขึ้น โดยมุ่งปกป้องผู้โดยสาร เช่น รถที่ขับต้องมีประกันอย่างถูกต้อง คนขับต้องได้ถูกสอบประวัติล่วงหน้า

กฎหมายควบคุมการเรียกรถผ่านแอปของสิงคโปร์กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภา โดยกำหนดให้คนขับต้องผ่านการตรวจประวัติ และตรวจสุขภาพ ขณะที่ตัวรถต้องมีประกันและมีการติดสัญลักษณ์ให้ชัดเจน

ในแง่ของนวัตกรรม ลี เซียน ลุง ระบุว่าสิงคโปร์ต้องสนับสนุนให้มีการ disrupt อุตสาหกรรมเดิมๆ ต่อไปพร้อมกับช่วยเหลือผู้ที่ปรับตัวไม่ทันให้ปรับตัวตามได้ เขาระบุว่าแอปเรียกรถโดยสารเหล่านี้ให้บริการดีกว่า, และตอบสนองได้รวดเร็วกว่า เพราะแอปเหล่านี้สามารถวิเคราะห์รูปแบบการเดินทาง และปรับค่าโดยสารได้ตรงกับความต้องการของรถและปริมาณรถโดยสาร

เขายังระบุว่าแม้ว่าแอปอย่าง Uber และ Grab จะมา disrupt อุตสาหกรรมรถโดยสารเดิม แต่ในรอบต่อไปแอปเหล่านี้เองก็อาจจะถูก disrupt โดยรถไร้คนขับเช่นกัน

บทความโดย Terence Lee ในเว็บไซต์ Tech In Asia วิเคราะห์ไว้ว่าสำหรับสิงคโปร์แล้ว Uber ไม่ได้ส่งผลต่อคนขับแท็กซี่โดยทั่วไปซึ่งเป็นฐานเสียงเลือกตั้งนัก แต่คนที่เสียประโยชน์จริงๆ คือบริษัทแท็กซี่ที่คิดค่าเช่ารถกับคนขับในราคาแพง การตัดสินใจเปิดทางให้แอปเรียกรถเหล่านี้จึงสมเหตุสมผลกับรัฐบาลสิงคโปร์

ที่มา - Strait Times

Blognone Jobs Premium