ประเด็น Uber และ GrabCar ในบ้านเรากำลังเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง ผมมองว่าทั้งสองบริการที่ทำเรื่องรถเหมือนๆ กันจะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของปัญหาอื่นๆ ที่มีประเด็นบ้างแล้ว เช่น AirBNB ที่คอนโดหลายแห่งเริ่มมีปัญหากับเจ้าของห้องที่นำไปปล่อยให้เช่า
เทคโนโลยีทำให้จากเดิมที่เราต้องสร้างความน่าเชื่อถือของบริการต่างๆ ด้วยการกำกับดูแลอย่างหนาแน่น เช่น แท็กซี่ที่ต้องแสดงตัวอย่างชัดเจนด้วยสีรถ โรงแรมที่ต้องเป็นอาคารขนาดใหญ่น่าเชื่อถือ กำลังถูกตั้งคำถามว่าหากเรามีบริการที่ควบคุมคุณภาพจนผู้บริโภคชื่อถือได้แล้ว การกำกับดูแลที่แน่นหนาเหล่านั้นยังจำเป็นอยู่หรือไม่
บริการเช่น Uber, GrabCar, AirBNB กำลังเปิดทางให้คนทั่วไปสามารถให้บริการที่ปกติแล้วคนทั่วไปเข้ามาให้บริการได้ยาก เพราะต้องมีรถที่ลงทะเบียนมาเฉพาะ หรือห้องพักที่ต้องผ่านกระบวนการขออนุญาตที่ยุ่งยาก กลายเป็นการลงทะเบียนง่ายๆ เสียเวลาไม่นานนักก็สามารถให้บริการได้โดยผู้ใช้ยังเชื่อถือพอจนสามารถใช้บริการได้อย่างสะดวกแม้จะเดินทางมาจากต่างประเทศก็ตามที ตัวบริการเหล่านี้มักเรียกตัวเองว่า Sharing Economy ที่เจ้าของนำทรัพยสินของตัวเองออกมาแชร์ให้กับคนอื่น แต่คนจำนวนมากก็เรียกมันว่า Gig Economy เพราะบริษัทเหล่านี้สนับสนุนให้คนทำงานพาร์ทไทม์ไปเรื่อยๆ
ในตอนนี้ยังไม่มีแนวทางเป็นสากลนัก แม้ประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้กับเราคือมาเลเซียและสิงคโปร์ จะมีท่าทียอมรับบริการ Uber และ GrabCar แต่ชาติที่ไกลออกไปสักหน่อยอย่างไต้หวันมีท่าทีตรงกันข้ามด้วยการขึ้นค่าปรับอย่างมาก เพื่อกดดันให้ Uber ทนจ่ายค่าปรับไม่ไหว ขณะที่จีนกลับปล่อยให้มีบริการเหล่านี้และบริการท้องถิ่นอย่าง Didi ก็สามารถครองตลาดส่วนใหญ่ได้
Blognone ชวนสมาชิกทุกท่านเสนอว่า "รัฐ" ควรทำอย่างไรกับบริการเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นการห้ามอย่างเด็ดขาด, การปล่อยเสรี, หรือการสร้างเงื่อนไขที่ให้บริการเหล่านี้ดำเนินกิจการต่อได้ภายใต้การควบคุมแบบต่างๆ
ข้อควรตระหนักคือบริการประเภทนี้จำนวนมากผิดกฎหมายในปัจจุบัน ข้อเสนอจึงไม่ควรเป็นการบอกเพียงจับหรือไม่จับเท่านั้น แต่เป็นข้อเสนอว่าถ้ามีการแก้ไขจะแก้ไขอย่างไร การผ่อนปรนแค่ไหนจึงยอมรับได้ หรือถ้าไม่ต้องการให้แก้ไข จะต้องบังคับใช้อย่างไร
อีกประการคือบริการเหล่านี้มักดำเนินกิจการแบบขาดทุน จากการระดมทุนขนานใหญ่ทำให้มีเงินสดในมือจำนวนมาก แต่ในระยะยาวบริษัทเหล่านี้ก็ต้องทำกำไร ข้อสนับสนุนจึงควรอยู่บนฐานของราคาจริงไม่ใช่โปรโมชั่นเหล่านี้ ขณะเดียวกันการทำโปรโมชั่นอย่างหนักเช่นนี้อาจจะตั้งคำถามว่าเป็นการทุ่มตลาดหรือไม่