เมื่อวันเสาร์ทีผ่านมา Blognone ร่วมกับสมาคมไทยอีสปอร์ต (TESA) ได้จัดงานเสวนา G=AME (Animation, Marketing, Engineering) เพื่อร่วมกันหาคำตอบและแสดงทัศนะเกี่ยวกับเกม ว่าเป็นอุตสาหกรรมความบันเทิงและดิจิทัลคอนเทนต์แขนงหนึ่งที่มีมูลค่ามหาศาล และต้องใช้ศาสตร์หลายสาขาผสมผสานกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านศิลปะ-แอนิเมชัน-การเล่าเรื่อง ด้านวิศวกรรม และการตลาดเพื่อให้เกมประสบความสำเร็จในเชิงธุรกิจ
อย่างไรก็ตามเกมกลับถูกมองจากสังคมว่าเป็นสิ่งมอมเมาและทำให้เสียคน ซึ่งก็เป็นประเด็นที่ถูกถกเถียงและมีข้อชี้แนะมากมาย ซึ่ง ดร. ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมที่ให้เกียรติมากล่าวปาฐกถาเปิดงาน ก็ได้แสดงทัศนะพร้อมแนะนำเอาไว้ด้วยเช่นกันว่า ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเกม รวมไปถึงพ่อแม่ ผู้ปกครองและครู ต้องมีส่วนร่วม ช่วยกันดูแลและชี้นำให้เด็ก ที่มีวุฒิภาวะไม่มากพอ ให้สามารถรับมือและอยู่ร่วมกับเกมได้อย่างปกติ เนื่องจากเกมเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ดร. ชัชชาติให้เหตุผลว่า เทคโนโลยีและอุตสาหกรรมเกมมีการพัฒนาและก้าวหน้าตามหลักของ Moore's Law ของ Gordon E. Moore อดีตซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Intel ซึ่งเคยอธิบายไว้ในปี 1965 ว่าทรานซิสเตอร์บนแผงวงจร จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าทุกๆ 2 ปี ทำให้ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา วงการเกมพัฒนาอย่างก้าวกระโดด จนในปัจจุบันมีการพัฒนาไปสู่กีฬาแขนงหนึ่งแล้ว และเป็นกระแสที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
อดีตรัฐมนตรีคมนาคมชี้ว่า ในเมื่อเกมเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทุกคนในวงการ ในฐานะ stakeholder ควรจะก้าวไปพร้อมๆ กัน ทุกฝ่าย รวมไปถึงพ่อแม่ผู้ปกครองและครู ควรจะเข้ามามีส่วนร่วมในการกำกับ ดูแลและช่วยเหลือเด็กๆ ที่อาจจะมีวุฒิภาวะไม่เท่าผู้ใหญ่ ให้สามารถรู้ทันเกมและจัดการตัวเอง ไม่ให้เกิดความผิดพลาดอย่างที่เราเห็นในข่าว
สิ่งที่สำคัญคือต้องให้ความรู้ความเข้าใจกับเด็ก ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและที่สำคัญคือต้องให้ความคาดหวังที่เหมาะสมกับเด็ก เพราะถึงแม้วงการอีสปอร์ต จะมีเงินรางวัลมหาศาล ล่อตาล่อใจ แต่คนที่ได้นั้นกลับเป็นส่วนน้อย เด็กต้องเข้าใจว่าถ้าจะเดินทางนี้ โอกาสไม่ได้เยอะอย่างที่คิดนัก