Fitbit Blaze วางขายไปตั้งแต่ไตรมาสแรกของปีที่แล้ว และมียอดขายมากกว่าล้านหน่วย ภายในเดือนเดียวหลังจากเริ่มจำหน่าย ส่วนในประเทศไทยมีการนำเข้ามาขายนานแล้ว และผมก็ใช้มาหลายเดือนแล้วเช่นกัน แต่ยังไม่เห็นใครนำมารีวิวในนี้สักที วันนี้เลยขอนำมารีวิวให้ดูกันครับ
ก่อนหน้านี้มีรีวิว Fitbit Charge HR ซึ่งเป็นทรงสายรัดข้อมือ พร้อมหน้าจอแบบ OLED แสดงผลได้สองแถว การใช้งานพื้นฐานบางอย่างอาจคล้ายๆ กัน แต่ตอนนี้ Fitbit มีอัพเดทตัวแอพใหม่พร้อม User Interface ที่เปลี่ยนไป เลยนำมาให้ดูคร่าวๆ ด้วยนะครับ
Fitbit Blaze เป็นสายรัดข้อมือ หรือ Activity Tracker ในรูปร่างที่ค่อนข้างเหมือนนาฬิกาแฟชั่นทั่วไป
ในกล่อง จะประกอบไปด้วย
ตัวสาย มีทั้งหมด 3 ขนาด คือ
Fitbit มีทำ accessories เพื่อใช้ปรับแต่ง Blaze ให้เข้ากับโอกาสต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นกรอบแบบอื่น หรือสายหนังและสายเหล็ก สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่ ลิงก์นี้
หน้าจอของตัว Activity Tracker จะเป็น Touch Screen LCD มาพร้อมกับแบตเตอรี่ ใช้เวลาชาร์จจนเต็มประมาณ 1-2 ชั่วโมง และเคลมว่าสามารถใช้งานได้มากที่สุดถึง 5 วัน มีเซนเซอร์และฟีเจอร์ต่างๆ ตามด้านล่าง
การเริ่มใช้งานและเชื่อมต่อ
ก่อนหน้านี้ผมเคยใช้ Fitbit Flex รุ่นแรก จำได้ว่าการติดตั้งต้องทำผ่านคอมพิวเตอร์เท่านั้น แต่ในรุ่นนี้สามารถเริ่มติดตั้งได้ด้วยโทรศัพท์มือถือเลย
เริ่มจากการเข้าไปดาวน์โหลดแอพ Fitbit ที่ Google Play Store หรือ Apple App Store เมื่อติดตั้งเสร็จและเปิดแอพ จะมีตัวเลือกให้ Sign Up สำหรับคนที่ไม่เคยใช้ Fitbit มาก่อน หรือ Log In สำหรับคนที่มี Profile อยู่แล้ว เมื่อดำเนินการเสร็จ เราสามารถเริ่มเชื่อมต่อกับ Fitbit Blaze ได้เลย โดยกดที่ Profile ที่รูปร่างเหมือนนามบัตรด้านบนขวาและเลือก Add a device
ในระหว่างติดตั้ง แอพจะบอกให้เรากดปุ่มด้านซ้ายมือของ Fitbit เมื่อกดแล้วจะมีตัวเลขสี่หลักแสดงขึ้นมาที่หน้าจอ เราจะต้องนำตัวเลขนี้ไปใส่ที่ตัวแอพ
เมื่อติดตั้งเสร็จ ในกรณีที่มีอัพเดท ตัวแอพจะถามว่าต้องการอัพเดทเลยหรือไม่ ซึ่งเราจะทำหรือไม่ก็ได้ และหลังจากนั้นก็จะเป็นหน้าจอแนะนำการใช้งานเบื้องต้น
ตัวแอพและการตั้งค่าต่างๆ
หลังเชื่อมต่อเสร็จ เราก็เริ่มใช้งานเลยดีกว่าครับ หน้าจอเริ่มต้นของแอพ อย่างที่บอกว่าเพิ่งได้รับการอัพเดทเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ซึ่งก็น่าจะเป็นไปตามแนวทางการออกแบบสมัยใหม่ โดยส่วนตัวผมชอบมากขึ้น แต่ถ้าเกิดใครชอบแบบเก่าเหมือนอย่างที่มีในรีวิว Charge HR ก็สามารถเปลี่ยนกลับได้
ด้านบนขวาสุด จะเป็นปุ่มเพื่อเลือกเข้าไปในโพรไฟล์ ถัดลงมาจะเป็น Fitbit ของเราที่เชื่อมต่ออยู่ ซึ่งเมื่อเลื่อนหน้าจอแอพลงมา ตัวนี้จะเปลี่ยนไปเป็นไอคอนที่ตั้งอยู่ข้างๆ ปุ่มโพรไฟล์แทน
หน้าจอ Today จะแสดงสถานะของ Goals เราในวันนี้ มีทั้งหมด 5 อย่างคือ
ในทุกปุ่มเราสามารถกดเข้าไปดูสถิติเพิ่มเติมได้ ที่ปุ่ม Settings ด้านบนขวาสามารถใช้เป็นทางลัดเพื่อเข้าสู่การตั้งค่า Goals ซึ่งจะกล่าวถึงต่อไปได้ด้วย
ถัดลงมา จะเป็นสถิติอื่นๆ ซึ่งจะแบ่งเป็น
และเหมือนข้างบน เราสามารถเข้าไปที่แต่ละอย่างเพื่อดูสถิติเพิ่มรวมถึงใช้เป็นทางลัดเข้าไปที่การตั้ง Goals ของหัวข้อนั้นๆ ข้อมูลอาหารสามารถที่จะอ่าน Barcode ได้ด้วย
ถ้าเราคิดว่ามีข้อมูลตัวไหนบนหน้าจอหลัก ที่ไม่มีความจำเป็นสำหรับเรา หรืออยากที่จะปรับเปลี่ยนตำแหน่ง สามารถทำได้ด้วยการกดที่ไอคอนค้างหรือกดปุ่ม Edit ด้านล่างเลยครับ (ผมว่ามันซ้ำซ้อน ไม่รู้ว่าจะทำไว้ทำไม)
ต่อไป Tab ด้านล่างสุด จะประกอบไปด้วย
Profile
การเข้าไปดูหน้า Profile อย่างที่บอกไว้ข้างต้นว่า สามารถกดเข้าไปได้ที่ไอคอนรูปนามบัตรด้านขวาบน ในหน้าหลักของตัว Profile จะมีรูปเราอยู่ด้านบน ถัดลงมาก็จะเป็นจะเป็นตัวเลือกเกี่ยวกับ Device ไม่ว่าจะเป็น การเพิ่ม device ใหม่ ลิงก์เพื่อที่จะซื้อ Fitbit และ Fitstar Training
ตามด้วยตัวเลือกต่างๆ ดังนี้
Goals
ใช้สำหรับการตั้งจุดมุ่งหมายที่เราต้องการจะทำให้ได้ หน้าจอ Settings เหล่านี้ สามารถเข้าได้จากทางลัดเวลาเรากดเข้าไปดูสถิติต่างๆจากหน้าหลักได้เช่นกัน
Discover
Settings
การตั้งค่าตัว Fitbit Blaze จากแอพ
การกดที่ไอคอน Blaze ไม่ว่าจะเป็นจาก Dashboard หรือหน้า Profile จะพาเข้าไปสู่การตั้งค่าของตัว Fitbit ผ่านแอพ ซึ่งบางอย่างต้องตั้งค่าผ่านแอพเท่านั้น แต่บางอย่างสามารถทำที่ตัว Tracker ได้
ตัวเลือกต่างๆ มีดังนี้
Sync
General
Help
Fitbit Blaze
จบแล้วครับกับตัวแอพ ยาวมาก ต่อไปเราไปดูการใช้งานที่ตัว Fitbit เลยดีกว่า การควบคุมทั่วไป ใช้การ Swipe ซ้ายขวาหรือขึ้นลงแล้วแต่เมนูนะครับ ส่วนปุ่มด้านซ้ายเป็นการกดย้อนกลับไปสู่เมนูก่อนหน้า การ Swipe จากขอบจอบนหรือกดปุ่มบนขวาค้างจะเป็นการเข้าสู่โหมดเปิดปิด Notifications และควบคุมการเล่นเพลง ส่วนการ swipe จากขอบจอล่าง จะเป็นการดู Notifications (ซึ่งตามที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ ไม่รองรับภาษาไทย)
ส่วนรายละเอียดการควบคุมหน้าจอต่างๆ มีดังนี้
หน้าปัดนาฬิกา
จากหน้านี้เราสามารถกดเพื่อดู goals หลักๆได้ หน้าปัดในแต่ละแบบ วิธีใช้จะแตกต่างกันนิดหน่อย
Today
แสดงสถิติทั่วไปของวันนี้
Exercise
ตามที่ได้ตั้งค่าไว้ก่อนหน้านี้ เราสามารถกดเข้ามาเลือกตรงนี้ ว่าจะทำกิจกรรมแบบไหน ในการทำกิจกรรมที่มีการเคลื่อนย้ายสถานที่ สามารถเลือกได้ว่าจะให้ Blaze ทำงานร่วมกับโทรศัพท์หรือไม่
Fitstar
มีตัวเลือกการออกกำลังกายสองแบบให้ มีท่าขึ้นมาที่หน้าจอให้ทำตามเลยด้วย
Timer
มีสองโหมดคือ จับเวลา และ นับเวลาถอยหลัง
Alarms
ใช้สำหรับเปิดหรือปิด Silent Alarms ที่ตั้งไว้แล้วจากแอพ
Settings
การตั้งค่าบางอย่างที่ทำที่ตัว Blaze ได้เลย เช่น Quick View, Bluetooth Classic
สรุปการใช้งาน
จบแล้วครับ กับการเขียนรีวิวที่ Epic ที่สุดในชีวิตจนเหมือนจะคิดว่าตัวเองเป็นคนขายหรือเปล่า (ไม่ใช่นะครับ) ขอบคุณมากที่ตามอ่านมาจนถึงตอนนี้
อย่างไรก็ตาม จะบอกว่าตัวผมเองชอบมากนะ Blaze ก่อนหน้านี้เคยใช้ Moto 360 รุ่นแรก ซึ่งก็ไม่ได้คิดมากเรื่องที่จะต้องชาร์จทุกคืน มันกลายเป็นความเคยชิน แต่เรื่องของเรื่องก็คือตัวเรือนมันใหญ่ แล้วเวลาใส่แขนยาวมันซ่อนไว้ใต้แขนเสื้อไม่ได้ ส่วนสายมาตรฐานตอนที่ผมซื้อมาเป็นหนังสีเทา ก็เป็นรอยเหงื่อตั้งแต่ช่วงแรกที่ใช้
แต่ในเรื่องของว่ามันเป็นสายรัดเพื่อสุขภาพหรือไม่ อันนี้ต้องอยู่ที่ตัวเองนะครับ ตัวมันช่วยให้เราเก็บข้อมูลเกี่ยวกับตัวเราได้ แต่เราก็ต้องเป็นคนลุกขึ้นมาทำกิจกรรมนั้นเอง หรือแม้กระทั่งการใส่ข้อมูลอาหารหรือน้ำ เราก็ต้องเป็นคนที่จะใส่ใจเพื่อที่จะเก็บรายละเอียดมัน
ข้อดี
ข้อไม่ค่อยดี
ขอจบการรีวิวไว้เท่านี้ อย่างไรก็ตาม ด้านล่างเป็นวิดีโอรีวิว ถ้าสนใจ หรือไม่อยากอ่านยาวๆ ก็ตามไปดูกันได้นะครับ