"Yahoo! ก็มีเสิร์ช แต่ไม่ได้เป็น Google" ซีอีโอ Snap พูดถึงการที่ Facebook ลอกฟีเจอร์

Snap Inc. รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสแรกของปี 2017 ซึ่งเป็นครั้งแรกหลังจากไอพีโอ มีรายได้ 149.6 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 286% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน สุทธิแล้วขาดทุน 2,213 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมาจากรายการบันทึกค่าใช้จ่ายหุ้นสำหรับพนักงานหลังไอพีโอ แต่ไม่ใช่รายการเงินสดมากกว่าพันล้านดอลลาร์ (Snap ใช้คำว่า not meaningful)

แอพ Snapchat มีผู้ใช้งานเป็นประจำทุกวัน (DAUs) 166 ล้านคน เพิ่มขึ้น 36% จากช่วงเดียวกันในปี 2016 ซึ่งมี 122 ล้านคน ส่วนไตรมาสก่อนหน้านี้หรือไตรมาส 4 ปี 2016 มีผู้ใช้งาน 158 ล้านคน

ในช่วงแถลงผลประกอบการ ซีเอฟโอ Drew Vollero ให้ข้อมูลยอดขายแว่นตา Spectacles ในไตรมาสที่ผ่านมาอยู่ราว 8 ล้านดอลลาร์ หรือขายได้ประมาณ 6 หมื่นอัน และมีจำนวน Snaps ที่สร้างขึ้นผ่านแว่นตานี้แล้วรวม 5 ล้าน Snaps และยังมีประเด็นอื่นที่น่าสนใจดังนี้

• Snap มีพนักงาน 2,360 คน ส่วนมากเป็นวิศวกรและฝ่ายขาย
• อเมริกาเหนือเป็นตลาดสำคัญ และเป็นฐานในการเติบโต โดยไม่มีการพูดถึงการขยายไปยังตลาดอื่น
• ซีอีโอ Evan Spiegel บอกว่าบริษัทพยายามเลี่ยงวิธีเพิ่มผู้ใช้ด้วยแนวทาง growth hacking เพราะไม่ยั่งยืนในระยะยาว
• เขาเสริมว่าแนวทางที่ Snapchat ใช้คือทำแอพให้ "เข้าถึงง่าย" ซึ่งทำให้ผู้ใช้รู้สึกดีและเติบโตอย่างยั่งยืนมากกว่า
• เมื่อถามถึงการถูก Facebook ลอกฟีเจอร์ Spiegel บอกว่าถ้าเราทำผลิตภัณฑ์ที่ดี มันก็ต้องถูกลอกเลียนอยู่แล้ว เขาเชื่อว่าทุกคนจะไปในแนวทางที่กล้องเป็นศูนย์กลาง แบบที่ Snap เป็น อย่างไรก็ตามเขาปิดท้ายว่า "Yahoo! ก็มีช่องเสิร์ช แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เป็น Google"
• สุดท้าย Spiegel ตอบคำถามเรื่องแผนงานในอนาคตของ Snap เขาตอบว่าไม่บอก เพราะอยากให้คนรู้สึกประหลาดใจมากกว่า

ราคาหุ้น Snap ปรับลดลงถึง 24% หลังรายงานผลประกอบการ เนื่องจากการเติบโตที่น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาด อย่างไรก็ตามราคาหุ้นก็ยังไม่ต่ำกว่าราคาไอพีโอ และคงเร็วเกินไปถ้าจะสรุปว่า Snap นั้นไม่เติบโต เพราะในอดีต Facebook ก็หุ้นตกหลังรายงานผลประกอบการครั้งแรก แถมนักวิเคราะห์ยังเคยบอกว่าน่าจะตายภายในปี 2020

ที่มา: Snap, Business Insider และ Recode