สองปีหลังจากร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์เปิดเผยออกสู่สาธารณะ โดยให้อำนาจเจ้าหน้าที่อย่างกว้างขวาง ให้สั่งให้ส่งเอกสาร, บัญชี, หรือหลักฐานใดๆ รวมถึงการดักฟังการสื่อสารได้ทุกรูปแบบโดยไม่มีการกำหนดเงื่อนไขเอาไว้ในตัวพ.ร.บ. ล่าสุดร่างฉบับใหม่ก็เปิดเผยออกมาแล้ว
พ.ร.บ.มั่นคงไซเบอร์จะสร้างคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (กปช.) คณะกรรมการที่มีอำนาจอย่างกว้างขวางทั้งการดักฟังและการสั่งการหน่วยงานต่างๆ ท้้งรัฐและเอกชน
ร่างฉบับรับฟังความคิดเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้แก้ไขมาตรา 35 (3) ที่จากเดิมที่ไม่มีเงื่อนไขการดักฟังอื่นนอกจาก "การทำตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่คณะรัฐมนตรีกำหนด" มาเป็นมาตรา 34 (3) ในร่างใหม่กำหนดให้การดักฟังต้องยื่นขอร้องขอสั่งศาลแต่หากจำเป็นเร่งด่วนก็สามารถดักฟังได้เลยแล้วรายงานให้ศาลทราบภายหลัง และหลักเกณฑ์การทำงานเปลี่ยนจากคณะรัฐมนตรีกำหนด มาเป็นกปช.กำหนดเอง
ตามพ.ร.บ.มั่นคงไซเบอร์นี้สามารถสั่งให้บุคคลใดๆ ส่งข้อมูลให้ และสั่งให้หน่วยงานราชการและเอกชนทำตามเพื่อประโยชน์ของการทำงานของคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ หากไม่ทำตามมีโทษปรับและจำคุก (มาตรา 41)
ร่างพ.ร.บ.นี้เปิดรับความเห็นในเว็บรับฟังความคิดเห็นตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 7 มิถุนายนนี้
กฎหมายนี้เป็นกฎหมายในชุดกฎหมาย 8 ฉบับเพื่อเศรษฐกิจดิจิทัล
ที่มา - LawAmendment.go.th